15 ค่ำเดือน 11 ตำนานบั้งไฟพญานาคมหัศจรรย์

 

15 ค่ำเดือน 11 ตำนานบั้งไฟพญานาคมหัศจรรย์

ถ้าพูดถึง 15 ค่ำเดือน 11 เชื่อว่าหลายคนก็น่าจะนึกถึงวันออกพรรษาอย่างแน่นอน และอีกหนึ่งอย่างก็คือในวันนี้จะมีปรากฏการณ์มหัศจรรย์หนึ่งอย่างที่จะปรากฏขึ้น ในทุกครั้งของปีในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 นั่นเอง และปรากฏการณ์นั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นั่นก็คือบังไฟพญานาค ที่เชื่อกันว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นจะการที่พญานาคปล่อยลูกไฟขึ้นมาจากใต้ลำน้ำโขง เพื่อเป็นพุทธบูชาแก่พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จกลับจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั่นเอง และเรื่องราวที่มาที่ไปจะเป็นอย่างไรเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไรเราจะพาท่านมาหาคำตอบในบทความนี้นั่นเอง

และในวันนี้ นงน้อย.com เว็บอัพเดพข่าวสาร เกี่ยวกับเรื่องโชคลาภ มีเรื่องราวเกี่ยวกับพญานาคอีกมากมายให้ติดตาม 

วันออกพรรษา

สำหรับวันออกพรรษาถือเป็นการสิ้นสุดระยะการจำพรรษา หรือออกจากการอยู่ประจำวัดในช่วงฤดูฝนตลอด 3 เดือนของพระภิกษุสงฆ์ วันออกพรรษาจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ของทุกปี ซึ่งเรียกอีกอย่างว่าวันมหาปวารณา ซึ่งคำว่าปวารณา ก็แปลว่าการอนุญาตยอมนั่นเอง ในสมัยพุทธกาลเมื่อพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ธรรม และเสด็จขึ้นไปโปรดพุทธมารดาโดยจำพรรษาอยู่ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เป็นเวลา 1 พรรษา และเมื่อออกพรรษาพระองค์ก็เสด็จกลับลงมายังโลกมนุษย์ ณ สังกัสสะนคร การที่พระพุทธองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จะเรียกตามศัพท์ภาษาบาลีว่าเทโวโรหณะ และในครั้งนี้บรรดาพุทธศาสนิกชนผู้มีความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา เมื่อทราบว่าองค์พระพุทธเจ้าเสด็จกลับลงมายังโลกมนุษย์พุทธศาสนิกชนก็พร้อมใจกันไป รอตักบาตรเพื่อรับเสด็จอย่างเนืองแน่น จนถือเป็นประเพณีตักบาตรเทโวที่ปฏิบัติสืบเนื่องกันมาตราบจนทุกวันนี้นั่นเอง

15 ค่ำเดือน 11 ตำนานบั้งไฟพญานาคมหัศจรรย์

ความเชื่อเกี่ยวกับ

 สำหรับคนไทยทางภาคอีสานโดยเฉพาะจังหวัดที่อยู่ติดกับริมแม่น้ำโขง รวมไปถึงผู้คนทางฝั่งประเทศลาวที่อยู่ติดกับแม่น้ำโขง ต่างก็มีความเชื่อกันมานานแล้ว ว่าแม่น้ำโขงเกิดขึ้นมาจากพญานาคตนหนึ่ง ที่มีชื่อว่าปูเจ้าศรีสุทโธ ซึ่งพญานาคศรีสุทโธเมื่อเลื้อยไปเจอภูผาหรือว่าก้อนหิน ก็จะทำการเลี้ยงหลบไปมา ซึ่งจะต่างจากพญานาคตนอื่นที่จะเลื้อยตรงไป ซึ่งทำให้แม่น้ำโขงแห่งนี้มีลักษณะคดเคี้ยวไปมา ซึ่งจะเรียกกันว่าแม่น้ำคด หรือว่าแม่น้ำโค้งนั่นเอง แล้วต่อมาจึงเพี้ยนมาเป็นแม่น้ำโขงอย่างที่เราเรียกกันในปัจจุบันนี้นั่นเอง ซึ่งก็ด้วยความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคทำให้ประชาชนริมสองฝั่งแม่น้ำโขง ต่างก็มีความเชื่อมาแต่โบราณว่าแม่น้ำโขงแห่งนี้ จะมีเมืองของพญานาคซ่อนอยู่นั้นเอง และยังเชื่อกันว่ามีพญานาคมากมายอาศัยอยู่ภายใต้แม่น้ำโขงแห่งนี้เองและในทุกค่ำคืนของวันออกพรรษาของทุกๆปี เล่าพญานาคก็จะพากันพ่นบั้งไฟขึ้นมาจากแม่น้ำโขงแห่งนี้ ที่เราเรียกกันว่าบั้งไฟพญานาคนั่นเอง 

15 ค่ำเดือน 11 ตำนานบั้งไฟพญานาคมหัศจรรย์

บั้งไฟพญานาค

ซึ่งบั้งไฟพญานาคเป็นปรากฏการณ์ของการเกิดลูกไฟที่ไม่มีกลิ่น ไม่มีควัน ไม่มีเสียงขึ้นมาจากลำน้ำโขงสู่อากาศ ขนาดของลูกไฟมีตั้งแต่ขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือ จนกระทั่งเท่าฟองไข่ไก่ แล้วก็จะพุ่งขึ้นไปบนฟ้าสูงประมาณ 1 ถึง 30 เมตร เป็นระยะเวลาประมาณ 5-10 วินาทีแล้วก็จะหายไปในอากาศ โดยปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นปีละ 1 ครั้งเท่านั้น นั่นก็คือในช่วงของวันออกพรรษาหรือว่าขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ตามปฏิทินลาว ซึ่งอาจจะมีบางทีที่จะตรงกับวันแรม 1 ค่ำเดือน 11 นั้นเอง และมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนลูกบั้งไฟพญานาค ในแต่ละปีนี้จะพบอยู่ที่แถบจังหวัดหนองคายบริเวณหน้าวัดไทย บ้านน้ำเป อำเภอโพนพิสัย แล้วก็วัดอาฮง อำเภอบึงกาฬแล้วก็วัดหินหมากเป้ง และอ่างปลาบึก อำเภอสังคม แต่ว่าจุดที่ประชาชนเชื่อถือกันว่าคือเมืองหลวงของพญานาค จะอยู่ที่แก่งอาฮง จังหวัดบึงกาฬหรือที่เรียกกันว่าสะดือแม่น้ำโขงนั่นเอง โดยชาวประมงเคยใช้เชือกผูกกับก้อนหิน แล้วก็หย่นลงไปในช่วงหน้าแล้งเพื่อที่จะวัดความลึกของน้ำบริเวณนี้ ผลปรากฏว่าบริเวณนี้มีความลึกถึง 99 วาหรือประมาณ 198 เมตร ซึ่งเป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง ถ้าหากเราพูดถึงตำนานการเกิดบั้งไฟพญานาค ตำนานได้กล่าวไว้ว่าเมื่อครั้งที่สมเด็จพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ธรรม พระองค์ได้เสด็จไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาทั่วชมพูทวีป จนพญานาคเกิดความเลื่อมใสและศรัทธาเป็นอย่างมาก จึงต้องจำแลงกายเป็นบุรุษเพื่อมาขอบวชเป็นสาวก ซึ่งพระพุทธเจ้าก็บวชให้ แต่มีอยู่คืนหนึ่งพญานาคได้หลับไป แล้วก็คืนร่างเดิมที่เป็นงูยักษ์ออกมา เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบเรื่องเข้า เลยขอให้พญานาคลาสิกขาไปเนื่องจากเห็นว่าเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะบวชเป็นพระภิกษุไม่ได้ ซึ่งพญานาคก็ยินยอมที่จะทำตามคำขอ แต่ก็ได้กราบขอกับพระพุทธเจ้าว่า กุลบุตรทั้งปวงที่จะบวชเข้ามาอยู่ภายใต้ร่มกาเสาวพักนั้น ขอให้เรียกขานนามกุลบุตรเหล่านั้นว่านาคเสียก่อน ซึ่งจากนั้นเป็นต้นมา จึงได้เรียกขานนามกุลบุตรทั้งหลายที่จะบวช ว่านาคสืบต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้นั่นเอง ต่อมาเมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากที่เสด็จไปโปรดพุทธมารดาเป็นเวลา 3 เดือนในช่วงของการเข้าพรรษา เมื่อพระองค์เสด็จกลับสู่โลกมนุษย์เราบรรดาพญานาคพร้อมทั้งเหล่าบริวาร จึงได้จัดทำเครื่องบูชาและพ่นบั้งไฟ ถวายเพื่อเป็นพุทธบูชา ซึ่งจะถูกเรียกว่าบั้งไฟพญานาคอย่างที่เราเรียกกันอยู่ในปัจจุบันนี้นั่นเอง

 

สรุป 15 ค่ำ เดือน 11 ตำนานบั้งไฟพญานาคมหัศจรรย์ 

          เป็นเรื่องราวตามความเชื่อสืบต่อกันมาจากอดีตจนถึงปัจจุบันเกี่ยวกับพญานาค ที่จะมาพ่นบั้งไฟถวายเพื่อเป็นพุทธบูชาแก่พระพุทธเจ้าในวันออกพรรษา และการเกิดบั้งไฟพญานาคก็เป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ยังหาคำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ ว่าบั้งไฟหรือลูกไฟที่ขึ้นมาจากแม่น้ำโขง เกิดจากอะไรกันแน่บ้างก็ว่ามีการสร้างขึ้นมาบ้างก็ว่าเป็นเพียงลูกไฟที่ประชาชนประเทศลาวยิงขึ้นมาจากอีกฝั่งหนึ่ง แต่คนที่เคยเห็นบั้งไฟพญานาคของจริงพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า มันเป็นลูกไฟที่พุ่งขึ้นมาจากแม่น้ำโขงจริงและก็เชื่อว่าพญานาคเป็นผู้ยิงลูกไฟนี้ขึ้นมาอย่างแน่นอนตามความเชื่อนั่นเอง

ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อต่างๆอีกมากมาย ท่านสามารถติดตามที่จากเว็บนี้