เล่าขานตำนานสยอง พระนอนกินเณร

เล่าขานตำนานสยอง พระนอนกินเณร 

ถ้าพูดถึงตำนานหรือเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับพระนอนกินเณร ผมคิดหลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้จักกับตำนานนี้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดเมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว ว่ากันว่าเรื่องพระนอนกินเณรนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสมัยนั้น ของจังหวัดนครสวรรค์ ณ วัดวรนาถบรรพตหรือวัดเขากบ และในบทความนี้จะเล่าถึงตำนานของวัดนี้ที่มีความน่ากลัวในอดีต อีกทั้งยังเป็นที่เล่าขานกันต่อมาจนถึงปัจจุบัน

เว็บอัพเดทข่าวสารที่เกี่ยวกับโชคลาภที่ดีที่สุดสำหรับคุณ นงน้อย.com

วัดวรนาถบรรพต (วัดเขากบ)

เมื่อ100 ปีที่แล้วประมาณปี 2460 สถานที่ตรงนี้ที่เป็นวัดเขากบเคยเป็นพื้นที่ร้าง และเป็นวัดเก่าที่ไม่มีพระอยู่อาศัยแม้แต่รูปเดียว ซึ่งในเวลาต่อมามีพระรูปหนึ่งได้ธุดงค์มาจากจังหวัดอุตรดิตถ์ และท่านก็ได้มาจำวัดอยู่ที่วัดเขากบแห่งนี้ อีกทั้งท่านยังทำการบูรณะฟื้นฟูสถานที่ตรงนี้ จนทำให้ชาวบ้านกลับมาเข้าวัดทำบุญอีกครั้งกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งพระรูปนี้มีชื่อว่าหลวงพ่อทอง ในตอนแรกท่านคิดเพียงจะมาธุดงค์อยู่วัดแห่งนี้แค่ชั่วคราว แต่เนื่องด้วยชาวบ้านเกิดความเลื่อมใสในตัวท่านเป็นอย่างมาก จึงขอให้หลวงพ่อทองจำวัดอยู่ที่นี่ตลอดไป และให้ท่านขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดเขากบ หลวงพ่อทองจึงได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสของวัดเขากบหรือวัดวรนาถบรรพตตั้งแต่นั้น 

 

เรื่อง พระพุทธรูปปางนอนกินเณร

เมื่อหลวงพ่อทองได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดเขากบแล้ว ก็มีชาวบ้านจำนวนมากเข้ามาทำบุญ หรือแม้แต่พาลูกหลานมาบวชเณรในวัดแห่งนี้จำนวนมาก แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์แปลกๆขึ้น เพราะอยู่ๆก็เริ่มมีเณรหายไปทีละรูปโดยไม่รู้สาเหตุ ซึ่งตอนแรกหลวงพ่อทองท่านก็ได้คิดว่าคนที่บวชเณร คงจะทนวัดไม่ไหว ทนบวชไม่ไหว อาจหนีกลับบ้าน ท่านจึงได้ลองไปตามหาเณรที่บ้าน แต่ปรากฏว่าไม่มีใครกลับมาที่บ้านเลยสักรูปเดียว และลูกของชาวบ้านที่ไปบวชที่วัด ก็ไม่มีใครเคยกลับมาที่บ้านเลยสักครั้ง จึงทำให้ทางวัดและหลวงพ่อทองเกิดความตกใจเป็นอย่างมาก ต่อมาจึงได้เริ่มสืบหาต้นตอของเหตุการณ์นี้ แต่สืบไปสืบมากลับไม่ได้ความอะไร จึงต้องปล่อยไปตามเวลา และหาคำตอบกันต่อไป พอเวลาผ่านมานานเข้า ก็ยังมีเณรค่อยๆหายไปทีละรูปๆ และที่เริ่มสังเกตได้คือเณรส่วนใหญ่ที่หายไป มักจะเป็นเณรที่อาศัยอยู่ที่โบสถ์หลังสุดท้าย ติดกับเจดีย์เก่า ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงสุโขทัย และในบริเวณนั้น มีพระอยู่รูปหนึ่ง ทำหน้าที่ประจำอยู่บริเวณนั้น คอยดูแลเจดีย์เก่านี้อยู่ ต่อมาหลวงพ่อทองก็ได้เข้าไปคุยกับพระรูปนั้นซึ่งก็ต้องประหลาดใจมาก เพราะพระรูปนี้เล่าว่า ในเจดีย์เก่านี้มีพระพุทธรูปบางยืนอยู่องค์หนึ่งที่มีขนาดเท่ากับคนสัดส่วนหนึ่งต่อหนึ่ง แต่แล้วหลังจากที่มีเหตุการณ์เณรหายไปทีละคนนั้น พระพุทธรูปองค์นี้ก็เริ่มมีขนาดตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และยังมีเศษชายจีวรติดอยู่ที่ปากของพระพุทธรูปองค์นี้ด้วย อีกทั้งยังมีคราบสีแดงคล้ายเลือดติดอยู่ที่ริมฝีปากของพระพุทธรูปองค์นี้ ซึ่งพอพระรูปนี้ได้บอกหลวงพ่อทองไปเช่นนั้น ท่านก็ตกใจมากแต่ก็ยังคิดว่าอาจจะแค่เป็นความบังเอิญเลยยังไม่ได้ทำอะไรที่เกี่ยวกับความเชื่อ แต่หลังจากนั้นไม่นานเณรก็ได้หายไปอีก ซึ่งครั้งนี้แปลกกว่าที่ผ่านมา เมื่อหลวงพ่อทองได้ไปตรวจสอบที่เจดีย์เก่าหลังนั้นอีกครั้ง พบว่าพระพุทธรูปองค์เดิมที่เป็นปางยืน ในตอนนี้กลับกลายเป็นพระพุทธรูปปรางนอนที่องค์ใหญ่กว่าเดิมถึงสองเท่า ทำให้หลวงพ่อทองรู้สึกว่านี่คงไม่ใช่เรื่องธรรมดา ท่านจึงสั่งให้พระทุกรูปและเด็กวัดทุกคนทำการเฝ้าบริเวณเจดีย์เก่านี้ไว้ทั้งคืน พอถึงเช้าหลวงพ่อทองก็มาทำพิธีและทำการสร้างบูรณะเจดีย์แห่งนี้ให้มีสายสิญจน์ล้อมรอบบริเวณนี้ทั้งหมด เมื่อหลวงพ่อทองทำพิธีในสถานที่ตรงนี้เสร็จเรียบร้อย ก็ไม่เกิดเหตุการณ์ที่เณรหายไปอีกเลยจนถึงปัจจุบัน 

เล่าขานตำนานสยอง พระนอนกินเณร

สมบัติโบราณที่พระพุทธรูปบางนอน

อีกหนึ่งเรื่องเล่า ที่ชาวบ้านเชื่อกันเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของเรื่องราวการหายตัวไปของกลุ่มเณรในวัดเขากบแห่งนี้ โดยอีกเรื่องเล่ามีอยู่ว่าเณรกลุ่มหนึ่งได้รู้ข่าวมาว่า ในเจดีย์เก่าที่มีพระพุทธรูปปางนอน มีขุมทรัพย์ในสมัยกรุงสุโขทัย เป็นทองคำแผ่นที่ถูกนำมาใส่ไว้ในพระพุทธรูปองค์นี้ จึงทำให้เณรกลุ่มนี้เกิดความโลภและอยากได้ทองคำดังกล่าว กลุ่มเณรได้รวมตัวกันในคืนหนึ่ง เพื่อที่จะไปขุดหาทองทำที่อยู่ในเจดีย์เก่าหลังนี้ ซึ่งพอเณรได้เข้าไปพบเห็นพระพุทธรูปปางนอน เณรทั้งสามรูปแรกได้สังเกตเห็นที่ปากของพระพุทธรูปปางนอนองค์นี้ มีคราบเลือดอยู่ที่ปากเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดความกลัว เณรรูปหนึ่งสังเกตเห็นเหมือนมีคนคล้ายพระยืนอยู่บริเวณปลายเท้าของพระพุทธรูปปางนอนองค์นี้ จึงเกิดความกลัวและร้องลั่นออกมา ทำให้เณรคนหนึ่งที่กำลังค้นหาสมบัติอยู่หลังพระพุทธรูปออกมา และถามว่าเกิดอะไรขึ้น พอเณรกลุ่มนี้ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังก็ทำให้ต่างพากันรู้สึกไม่ดี และรีบหนีออกมาจากที่ตรงนั้น ซึ่งเมื่อเณรกลุ่มนี้ออกมาก็ได้เกิดฟ้าผ่าลงมาที่เจดีย์แห่งนั้น ทำให้ส่วนหนึ่งของพระพุทธรูปแตกออก แต่ขณะที่ฟ้าผ่าลงมานั้น ได้มีเณรรูปหนึ่งหายตัวไปอย่างปริศนา ทำให้เณรที่เหลือคิดว่าน่าจะค้างอยู่ในเจดีย์ และน่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในนั้น เณรทั้งหมดเลยกลับเข้าไปในเจดีย์เก่า  และสิ่งที่ได้พบเห็นก็คือจุดที่ฟ้าผ่าลงมาโดนพระพุทธรูปปางนอนได้มีโครงกระดูกจำนวนมากอยู่ในพระพุทธรูปองค์นั้น และยังมีคนห่มผ้าเหลืองนอนอยู่ในพระพุทธรูปองค์นี้ด้วย พอเณรทั้งหมดช่วยกันพลิกตัวขึ้นมาก็ต้องตกใจ เพราะสิ่งที่เห็นคือเณรรูปหนึ่งที่เป็นเพื่อนของพวกเขาที่หายไปนั่นเอง และรู้ทันทีว่าเพื่อนเณรรูปนี้ได้ตายลงไปแล้ว เณรทั้งหมดจึงรีบกลับไปที่วัดทันที ซึ่งพอเรื่องนี้ถึงรู้ถึงพระที่วัด พระท่านก็ได้บอกว่าจริงๆแล้ว พระพุทธรูปปางนอนนั้นเคยมีทองอยู่จริงในอดีต แต่มันถูกขโมยไปนานแล้วโดยที่ไม่มีใครรู้ แต่ก็ยังมีคนหลายคนที่ยังคงเชื่อว่า ในเจดีย์เก่าแห่งนี้ยังมีทองคำฝังซ่อนอยู่ ทำให้คนเล่านั้นมาขุดเพื่อค้นหาทองคำ จนสุดท้ายก็ต้องมาอยู่ตรงนี้จนกลายมาเป็นโครงกระดูก อย่างที่เณรกลุ่มนี้ได้พบเจอนั่นเอง

 

สรุป

 เรื่องราวของพระนอนกินเณร 

ก็คือเรื่องของพระพุทธรูปปางนอนที่อยู่ในเจดีย์เก่าสมัยกรุงสุโขทัย ที่ตั้งอยู่ในวัดวรนาถบรรพตหรือวัดเขากบ จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าพระพุทธรูปองค์นี้มีสมบัติซ่อนอยู่ จึงทำให้ผู้คนมากมายลักลอบไปขุดหาสมบัติ จนได้เจอเข้ากับอาถรรพ์ของสถานที่แห่งนี้ รวมถึงเหล่าเณรที่ไปบวชก็บ้างก็ว่าถูกความโลภชี้นำ จึงเกิดอาถรรพ์ที่เชื่อกันว่าทำให้พระพุทธปางนอนองค์นี้ คอยจับเณรหรือคนที่มีความโลภกินเสีย ทำให้มีรอยเลือดติดที่ปากของพระพุทธรูปองค์นี้ จนกลายเป็นตำนานเล่าขานกันมาถึงปัจจุบัน

ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติ ตำนาน ความเชื่อ และโชคลาภอีกมากมาย ท่านสามารถติดตามที่จากเว็บนี้