เปิดตำนาน เสือสมิง เรื่องราวอาถรรพ์แห่งป่า
ถ้าพูดถึงเสือสมิงผมคิดว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำนี้มาไม่มากก็น้อย จากอดีตสู่ปัจจุบันถ้าพูดถึงสัตว์ร้ายหรือวิญญาณร้ายแห่งป่า ทุกคนจะต้องพูดถึงเสือสมิงเป็นอันดับแรกๆอย่างแน่นอน คำว่าเสือสมิงได้ถูกบันทึกไว้ในพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน ปี 2542ได้ให้ความหมายเกี่ยวกับคำนี้ว่า แต่เดิมเสือสมิงเคยเป็นคนมาก่อนซึ่งคนๆนั้น ได้ร่ำเรียนวิชาอาคมทางด้านสายมืด ที่ค่อนข้างแข็งมากจนสามารถแปลงกายเป็นเสือได้ หรืออีกความเชื่อ ก็คือเมื่อเสือตัวนึงได้กินคนเข้าไปเป็นจำนวนมาก จนทำให้วิญญาณของผู้ตายเข้าไปสิงร่างเสือตัวนั้น และทำให้เสือตัวนั้นสามารถจำแลงแปลงกายเป็นคนได้ในที่สุดนั้นเอง วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับตำนานเรื่องเล่าของเสือสมิงให้ผู้อ่านได้ติดตามกันในบทความต่อไปนี้ครับ
นงน้อย.com เว็บอัพเดพข่าวสาร เกี่ยวกับเรื่องโชคลาภ
วิชาสายมืดของ ตำนาน เสือสมิง
ว่าด้วยวิชาสายมืดเกี่ยวกับเสือนั้น เป็นวิชาอาคมที่รุนแรงและมีความน่ากลัวอย่างมากถ้าผู้ที่ร่ำเรียนวิชาสายนี้ที่ผิดพาดจนของเข้าตัว อาจจะที่ทำผู้ที่เรียนวิชาสายนี้เสียชีวิตก็เป็นได้หรืออาจจะถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง จนกลายมาเป็นเสือสมิงที่คอยสร้างบาปกรรมโดยการฆ่าจนไม่มีวันได้เกิดเลยทีเดียว การที่จะเรียนวิชาสายเสือนั้นผู้เรียนวิชานี้ต้องเรียนให้ครบทั้ง วิชาเรียก วิชาควบคุม วิชาเลี้ยง และวิชาที่ใช้ควบคุมสัตว์เดรัจฉานทั้งหมด ซึ้งถ้าผู้ที่เรียนวิชานี้จนสำเร็จทั้งหมดก็จะสามารถแปลงกายเป็นเสือสมิงได้ หรือสามารถเรียกวิญญาณเสือ เข้ามาปกปักรักษาตนเองได้ อีกทั้งยังนำวิชานี้ไปทำร้ายคนอื่นก็ยังได้นั้นเอง ต่อมาผมจะมาเล่าถึงเรื่องราวที่โด่งดังอย่างมากเกี่ยวกับ ตำนาน เสือสมิง ในประเทศไทยในอดีตประมาณ 2 เรื่อง ดังนี้
คำบอกเล่าของ พระธุดงค์
โดยคำบอกเล่านี้ว่ากันว่าได้มีพระธุดงค์รูปหนึ่ง ท่านได้ทำการธุดงค์ไปถึงสำนักสงฆ์แห่งนึงที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาในป่าลึก ทีแรกท่านได้เล่าว่ามองจากไกลๆสถานที่แห่งนี้ไม่เหมือนกับสำนักสงฆ์เลย เพราะภาพที่เห็นเป็นเหมือนสำนักสงฆ์ร้าง มีแต่ของเก่าผุพังอีกทั้งยังมีหยากไย่ใยแมงมุมเต็มไปหมด ในตอนแรกท่านคิดว่าคงจะเป็นสำนักสงฆ์ร้างและไม่มีพระสงฆ์อาศัยอยู่ แต่พอเดินเข้าไปใกล้ๆปรากฏว่าพระธุดงค์รูปนี้ได้พบกับพระสงฆ์รูปหนึ่งที่กำลังจำวัดอยู่ ซึ่งลักษณะของพระรูปนี้สายตามีลักษณะที่ดูดุร้ายทำให้รู้สึกราวกับกำลังจ้องมองเสืออยู่ ซึ้งตอนนั้นเองพระรูปนั้นก็ได้ตื่นขึ้นมา และทักทายพระธุดงค์ พร้อมชวนให้ท่านจำวัดอยู่ที่นี่ก่อนที่ท่านจะธุดงค์ไปต่อ เพราะในป่าแห่งนี้มีเสือดุร้ายอยู่จำนวนมาก จึงแนะนำให้อยู่ก่อนจนถึงรุ่งเช้าด้วยความเป็นห่วง เมื่อพระธุดงค์ได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกแปลกๆ เพราะตลอดเวลาที่ท่านธุดงค์มานั้นท่านไม่พบเจอกับสัตว์ร้ายหรือพบเจอเสือเลย พบเห็นแต่เพียงสัตว์ป่าทั่วไปที่ไม่ได้มีพิษภัยอะไร แต่ด้วยในเวลานั้นเป็นเวลาเย็นพระธุดงค์จึงต้องจำวัดอยู่ที่นั่น แต่ท่านไม่ได้จำวัดอยู่กับพระรูปนั้นที่ท่านได้เจอ ท่านเพียงแต่บอกว่าท่านจะไปพักแถวๆลานกว้างของสำนักสงฆ์นี้แทน
ต่อมาพระธุดงค์ ก็ได้นึกถึงคำแนะนำของชาวบ้านที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า หากท่านจะธุดงค์เข้าไปป่า ขอให้ท่านธุดงค์เข้าไปให้สุดป่า แล้วจะเจอวัดที่นึงที่มีพระสงฆ์อาศัยอยู่จำนวนมาก จึงค่อยพักที่นั่นจะดีกว่า เพราะในป่านี้มีพระที่ร่ำเรียนวิชาทางสายอาคมมืด จนชาวบ้านเล่ากันว่าพระรูปที่ว่านั้นอาจจะเป็นเสือสมิงแปลงกายมาก็เป็นได้เพราะมีพระหลายรูปที่ธุดงค์เข้าไปในป่านี้ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ส่วนใหญ่ที่เข้าไปพักในตอนกลางคืน จะมีเสียงลักษณะเหมือนเสือเดินวนรอบๆอยู่แถวที่พัก และพระแต่ละรูปที่กลับออกมา ค่อนข้างมีสภาพที่ไม่สู้ดีกันทั้งสิ้น ซึ่งพระธุดงค์รูปนี้จึงคิดว่าพระที่อยู่ในสำนักสงฆ์นี้อาจจะเป็นเสือสมิงแปลงกายมา ท่านจึงหยิบควายธนูขึ้นมาและลงคาถาอาคมว่า หากมีใครหรือสิ่งชั่วร้ายจะเข้ามาทำร้ายหรือรบกวนในระหว่างที่ท่านจำวัดอยู่นั้น ขอให้ควายธนูปกป้องและขับไล่สิ่งนั้นออกไป ซึ่งกลางดึกนั้นเมื่อพระธุดงค์ได้จำวัดอยู่ ก็ได้ยินเสียงเหมือน ควายธนูกำลังหายใจอย่างรุนแรงและตะกุยดินพร้อมที่จะต่อสู้กับอะไรบ้างอย่าง ต่อมาท่านก็ได้ยินเสียงเหมือนการต่อสู้กันระหว่างสัตว์ทั้งสอง แต่ท่านก็ไม่ได้ลุกขึ้นมาดูแต่อย่างใด เพียงแต่ตั้งจิตภาวนาขอให้ผ่านวันนี้ไปได้ด้วยดี พอถึงรุ่งเช้าถึงเวลาที่ พระธุดงค์ ต้องไปต่อ จึงได้ไปกราบลาพระรูปนั้น แต่ภาพได้เห็นคือ พระรูปนั้นมีสภาพที่สะบักสะบอม เหมือนไปต่อสู้กับอะไรมาจนจีวรขาด อยู่ในสภาพนอนแน่นิ่งไม่พูดจา ลมหายใจอ่อนรวยริน แต่ในตอนนั้นท่านเองไม่อยากคิดอะไรมาก เลยได้ทำการกราบลาแล้วธุดงค์ต่อ แต่ก่อนที่ท่านจะออกเดินทาง พระสงฆ์รูปนั้นก็ได้ฝืนลุกขึ้นมา แล้วบอกกับพระธุดงค์ว่า ถ้าท่านเหนื่อยท่านสามารถพักต่อที่นี่อีกได้ แต่พระธุดงค์ก็ได้ปฏิเสธและได้เดินทางออกจากสำนักสงฆ์นั้นไปในทันที
เสือสมิงที่ตายโดยยังกลายร่างไม่สมบูรณ์
เรื่องนี้เกิดขึ้นในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ได้มีเสือโคร่งขนาดใหญ่เข้ามาทำร้ายคนในหมู่บ้าน อีกทั้งคนในหมู่บ้านก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ชาวบ้านจึงได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลป่านี้ให้มาช่วยจัดการปัญหานี้ให้คนในหมู่บ้าน ซึ่งก็มีอยู่คืนหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ได้พักอยู่บ้านพัก ซึ่งเป็นลักษณะทรงสูง จู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาเขย่าตัวบ้านอย่างแรง เขาจึงได้ออกมาดูและมองลงไปที่ด้านล่างของเสาบ้าน ปรากฏเห็นเสือโคร่งที่มีขนาดใหญ่มาก กำลังตะกุยเสาบ้านพักอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้หยิบปืนและยิงเข้าไปที่เสือตัวนั้น ก่อนที่เสือตัวนั้นจะคำรามออกมาดังลั่นและวิ่งหนีไปในป่า ซึ่งต่อมาในตอนเช้าเจ้าหน้าที่ก็ได้ตามรอยเลือดนั้นไป จนได้พบกับโพรงสัตว์แห่งหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นที่อยู่ของเสือตัวนั้นและรอยเลือดก็ได้มาหยุดอยู่ตรงนี้พอดี เจ้าหน้าที่ได้มองลอดเข้าไปในโพรงนั้น และสิ่งที่เขาได้เห็นและน่าตกใจคือ สิ่งมีชีวิตที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้าเขา มีส่วนครึ่งล่างเป็นเสือครึ่งบนเป็นมนุษย์ พอชาวบ้านได้มาเห็นก็คาดว่า น่าจะเป็นเสือสมิง ที่ยังคืนร่างไม่สมบูรณ์และตายไปก่อนเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหวนั่นเอง
สรุป
ตำนาน เสือสมิง
คือความเชื่อของวิชาอาคมที่เกี่ยวกับการนำวิญญาณของสัตว์ร้ายอย่างเช่นเสือมาใช้เพื่อประโยชนเพื่อตนเอง อีกทั้งยังเป็นวิชาสายมืดที่ผู้ได้ร่ำเรียนส่วนมากมักจะมีจุดจบที่ไม่สู้ดีนัก บ้างก็ว่าอาจจะเป็นเพียงเสือที่คอยล่ามนุษย์เป็นอาหารจนวิญญาณเกิดความแค้น และเข้าสิงเสือตัวนั้นจนกลายเป็นเสือสมิงในเวลาต่อมานั่นเอง แต่สิ่งที่ยังยึดถือมาจนปัจจุบันก็คือ เวลาเข้าป่าอย่าพูดถึงเสือโดยเด็ดขาดเพราะมันอาจจะคอยเฝ้ามองและคอยรอโอกาสที่จะเข้าทำร้ายคนที่รุกล้ำเข้าไปในผืนป่าของมันอยู่ก็เป็นได้ สุดท้ายนี้หวังว่าผู้อ่านจะได้ทั้งความสนุก และความรู้จากการอ่านบทความนี้ครับ
นอกจากเรื่องราวของเสือสมิง ยังมีเรื่องราว ตำนานความเชื่ออื่นๆอีกมาก ซึ่งท่านสามารถติดตามที่จากเว็บนี้