เขี้ยวหมูตันเครื่องรางของขลังที่ทรงอิทธิฤทธิ์

เขี้ยวหมูตันเครื่องรางของขลังที่ทรงอิทธิฤทธิ์

ถ้าพูดถึงเครื่องรางของขลังเชื่อว่าหลายคนเคยได้ยินหรือได้รู้จักกับสิ่งเหล่านี้มาไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน เพราะเครื่องรางของขลังเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับประเทศไทยและคนไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีมากมายไม่ว่าจะเกิดจากการสร้างขอผู้คนที่มีวิชาอาคม หรือพระเกจิอาจารย์ต่างๆ แต่ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่เชื่อว่าเป็นของขลังที่เกิดจากการที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้นมา และเป็นที่หายากอีกยังต้องการมากในกลุ่มคนที่บูชาสิ่งเหล่านี้ และในบทความนี้จะมาพูดถึงวัตถุของขลังหนึ่งสิ่งที่เกิดของจากธรรมชาติ และผู้คนให้ความนิยมอย่างมากนั่นก็คือ เขี้ยวหมูตัน และที่มาที่ไปของของขลังอันนี้จะเป็นอย่างไรติดตามได้ในบทความนี้กันเลย

เว็บอัพเดทข่าวสารที่เกี่ยวกับโชคลาภที่ดีที่สุดสำหรับคุณ นงน้อย.com

 

พญาหมูป่า

เขี้ยวหมูตันเครื่องรางของขลังที่ทรงอิทธิฤทธิ์

พญาหมูคือหมูป่าตัวผู้ที่มีเขี้ยวยาว เป็นจ่าฝูงที่คอยเตือนภัยและคุ้มครองฝูง ถึงแม้ว่าหมูป่าจะเป็นสัตว์ที่ไม่ใช่นักล่าเหมือนพวกเสือหรือสิงห์ และยังเป็นสัตว์ที่กินพืชเป็นอาหารอีกด้วย ซึ่งในทางธรรมชาติถือว่าเป็นสัตว์ผู้ถูกล่า โดยมักจะถูกล่าทั้งคนและสัตว์ แต่ธรรมชาติก็ได้ให้เขี้ยวเล็บสำคัญมาไว้ใช้ปกป้องตัวและหลบหลีกจากศัตรูที่จะมาล่าตัวมัน ซึ่งในศาสตร์ทางเครื่องรางของขลังนั้นได้มีเหล่าเกจิอาจารย์นำรูปสัตว์ชนิดนี้มาสร้างเป็นเครื่องรางของขลังประเภทหมูป่า และทำการปลุกเสกด้วยเวทย์มนต์คาถาจนมีพลังอำนาจ ในอดีตเครื่องรางประเภทหมูป่าที่เป็นที่รู้จักในวงการพระเครื่องและเครื่องรางของขลังไทยได้แก่ พญาหมูป่า และเขี้ยว หมูตัน นั่นเอง

 

เขี้ยวหมูตัน

เขียวหมูเป็นหนึ่งในวัตถุธนสิทธิ์ ที่เชื่อว่ามีฤทธิ์ในตัวหากนำมาติดตัวแล้วจะมีอิทธิคุณอำนาจทางด้าน คงกระพันชาตรี มหาอุด ฟันแทงไม่เข้า เขี้ยว หมูตัน นิยมนำมาทำเป็นเครื่องรางของขลังสำหรับแขวนบูชาติดตัวเพื่อหวังผลทางด้านอิทธิฤทธิ์มาตั้งแต่โบราณ สำหรับเขี้ยวหมูป่าทั่วไปแล้วจะมีลักษณะที่กลวงเข้าไปข้างใน แต่เขี้ยว หมูตันนั้นจะต้องตันตั้งแต่โคนจนถึงปลาย หากจับยกขึ้นดูจะรู้สึกว่ามีน้ำหนัก จะแข็งดุจหินและมีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกัน กล่าวกันว่าเขี้ยว หมูตันนั้นจะเกิดขึ้นกับหมูป่าตัวผู้ที่เป็นจ่าฝูง ซึ่งมันจะออกหากินเฉพาะในเวลากลางคืนเท่านั้น มีนิสัยห้าวหาญไม่เกรงกลัวใคร มีความแข็งแรงและว่องไวเป็นพิเศษ มีระบบประสาทสัมผัสที่ดีเยี่ยม หมูป่าในลักษณะนี้เป็นที่สนใจของเหล่าพรานป่าล่าของวิเศษ ยังมีคำบอกว่าบางคืนที่เป็นวันพิเศษเขี้ยวหมูป่าตัวนั้นจะเรืองแสงออกให้เห็นเป็นสีเขียว ในสมัยก่อนเมื่อพรานดักจับหมูป่าในลักษณะนี้ได้ จะไม่ทำอันตรายมันแต่จะนำมันไปเลี้ยงไว้จนมันแก่ตายตามธรรมชาติ เมื่อมันตายแล้วจึงทำพิธีกรรมเอาเขี้ยวของมันออกมาเก็บไว้ใช้ ถือว่าเป็นของขลังติดตัวไว้ป้องกันภัยอันตรายนั่นเอง

 

วิธีสังเกตลักษณะของหมูที่มีเขี้ยวตัน

  1. เป็นหมูตัวผู้
  2. หากอยู่รวมกับฝูง จะเป็นจ่าฝูง หมูตัวอื่นจะเกรงขาม เป็นพญาหมูป่า
  3. หากเที่ยวจะไปตัวเดียว จะไม่เกรงกลัวสิ่งใด
  4. มีระบบประสาทสัมผัสที่ดี รู้ว่าภัยจะมาถึงตน
  5. มีความฉลาดกล่าวหมูทั่วไป

วิธีการได้มาของเขี้ยว หมูตัน

  1. หากจับได้ จะนำมาเลี้ยงจนแก่ตายตามธรรมชาติ แล้วค่อยเอาเขี้ยวออกมา
  2. นายพราน หรือคนเดินป่าอาจจะพบเห็นเขี้ยว หมูตันหลุดออกมาตามธรรมชาติอยู่กับหนองน้ำหรือฝังอยู่ในดิน แต่โดยมากเมื่อเขี้ยวของมันหลุดออกแล้วจะฝังดินไว้
  3. นายพรานไปพบซากหมูเขี้ยวตันที่มันตายตามธรรมชาติในป่า ซึ่งจะต้องทำพิธีของเขี้ยวของหมูป่าตัวนั้นมาจึงจะนำกลับมาได้

 

พุทธคุณของเขี้ยว หมูตันและคาถาบูชา

  1. ฟันแทงไม่เข้า
  2. ยิงไม่เข้าหรือออกแต่ไม่ระคายผิว
  3. แคล้วคลาดปลอดภัย
  4. เป็นมหาอำนาจ ผู้คนเกรงขาม

คาถาบูชาเขี้ยวหมู ตั้ง นะโม 3 จบ และกล่าวว่า นะตันโต นะโมตันติ ตันติตันโต นะโมตันตัน คาถานี้จะเพิ่มอนุภาพ ให้เป็นมหาอุตม์ และมหาอำนาจอย่างสูง แต่ที่ยากกว่าการเสกคาถานี้คือการหาเขี้ยว หมูตันมาครอบครองนั่นเอง

 

สรุป 

เขี้ยว หมูตันเครื่องรางของขลังที่ทรงอิทธิฤทธิ์เป็นความเชื่อโบราณ ที่เชื่อว่าเขี้ยวหมูในลักษณะนี้เป็นของขลังที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ ที่มีฤทธิ์เป็นของทนสิทธิ์ที่มีพลังอำนาจอย่างมาก ทำให้ในปัจจุบันผู้คนได้หันมาสะสม และตามหาของขลังชิ้นนี้กันอย่างมาก และมีราคาที่สูงตามความต้องการอีกด้วยนั่นเอง

ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับสายมู ความเชื่อ และโชคลาภอีกมากมาย ท่านสามารถติดตามที่จากเว็บนี้