สิ่ง อัปมงคล ในความเชื่อโบราณ จะมีสิ่งใดบ้างที่คนโบราณนั้นได้เชื่อถือกันมาว่าไม่ดี ติดตามได้ในบทความครับ
นงน้อย.com เว็บอัพเดพข่าวสาร เกี่ยวกับเรื่องโชคลาภ
สิ่ง อัปมงคล ในความเชื่อโบราณ
สิ่งของที่เป็นสิ่งอัปมงคลตามความเชื่อโบราณนั้นมีดีงนี้
1. พระพุทธรูปที่แตกหัก
พระพุทธรูปที่ชำรุดหรือแตกหักนั้นตามความเชื่อโบราณเชื่อว่า การนำพระพุทธรูปหรือรูปปั้นอะไรอะไรก็ตามที่แตกหักไม่ควรนำสิ่งเหล่านั้นเข้ามาในบ้านเพราะจะส่งผลให้ ครอบครัวแตกแยกทะเลาะกันวุ่นวาน อยู่กันอย่างไม่เป็นสุข ส่วนคนสมัยใหม่นั้นเชื่อว่า การที่คนโบราณที่ไม่ให้เอาพระพุทธรูปหรือรูปปั้นต่างๆที่แตกหักเข้าบ้านนั้นเพราะสมัยก่อนยังไม่มีไฟฟ้าใช้ความสว่างไม่เพียงพอ อาจจะทำให้เศษวัสดุบาดมือบาดเท้าได้นั่นเอง
2. บาตรแตก
คือหนึ่งในอัฐบริขารของพระภิกษุสงฆ์และสามเณรที่ใช้ในการบิณฑบาตร บาตรแตกเป็นสิ่งอัปมงคล ตามความเชื่อโบราณนั้นบาตรแตกยังถือเป็นของอาถรรพ์ ไม่ควรนำเข้าบ้านเพราะจะส่งผลให้บ้านนั้นอยู่กันไม่เป็นสุขบ้านแตกสาแหลกขาด ทำสิ่งใดก็ไม่เจริญ
3. ศพที่ตายโหง หรือ ตายนอกบ้าน
คนโบราณนั้นให้ความสำคัญกับการนำศพตายโหงหรือตายนอกบ้านเข้ามาในบ้านเป็นอย่างมากเพราะมีความเชื่อกันว่าผีตายนอกบ้านนั้นแข็ง ผีบ้านผีเรือนที่คอยปกปักรักษาคนในบ้านนั้นจะอยู่ไม่ได้ ทำให้เกิดอันตรายได้ง่าย จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของคนโบราณนั้นอาจจะเชื่อว่า ศพน่าเกลียดน่ากลัว จะทำให้คนในบ้านหวาดกลัวได้ และคนในบ้านอาจจะได้รับเชื้อโรคจากศพ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อคนในบ้านจึงเกิดความเชื่อนี้ขึ้นมา

4. นกแสก
คนโบราณนั้นมีความเชื่อกันว่า หากนกแสกมาเกาะบนหลังคา , บินข้ามหลังคา หรือบินวนไปวนมาและส่งเสียงร้องที่บริเวณบ้านของใครจะทำให้บ้านหลังนั้นมีคนตายภายใน 3วัน 7 วัน หากในบ้านนั้นมีคนป่วย คนที่ป่วยจะตายภายใน 3 วัน 7 วัน เช่นเดียวกัน ความเชื่อของคนโบราณในเรื่องของนกแสกนั้นมาจากตำนานที่ว่านกแสกเป็นพาหนะของพญายม ซึ่งเป็นเทพเข้าแห่งความตาย และเป็นผู้ตัดสันโทษในนรก นั่นเอง
5. หวีหัก
คนโบราณนั้นมีความเชื่อว่า หวีหัก นั้นเป็นสิ่งอัปมงคล ยิ่งหวีหักคาผมขณะหวีผมนั้น จะส่งผลให้เกิดความเดือดเนื้อร้อนใจ ทะเลาะกับคนอื่น หากเลวร้ายที่สุดคงถึงกับเสียของที่ตนเองรักไปเลยทีเดียว หากมองย้อนกลับไปคนโบราณอาจจะเป็นห่วงไม่อยากให้ลูกหลานใช้ของแตกหักเพราะอาจจะบาดหนังศรีษะเป็นแผลได้
ความเชื่อเป็นรื่องของยุคสมัย
เราปฏิเสธไม่ได้ว่า ความเชื่อเป็นเรื่องของยุคสมัยจริงๆ เพราะในสมัยโบราณนั้นยังไม่มีไฟฟ้าใช้กัน ความเชื่อต่างๆจึงถูกส่งต่อมาเพื่อเป็นการห้ามลูกหลานโดยทางอ้อม แต่ในปัจจุบันนั้นโลกนี้พัฒนาไปไกล ในหลายๆความเชื่อเองก็มีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัยนั้นๆ การมีความเชื่อเป็นสิ่งที่ดีแต่จะดีมากกว่าถ้าความเชื่อนั้นตั้งอยู่ในหลักของการคิดวิเคราะห์ให้มองถึงแก่นไม่ใช่การเชื่อแบบผิดๆจนทำให้เดือดร้อนแก่ตัวเอง
ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เกี่ยวกับความเชื่อ >> คลิกที่นี่เลย