รักยม สองกุมาร เปิดตำนานของขลังของดีของคนไทย
รักยม สองกุมาร เปิดตำนานของขลังของดีของคนไทย หากจะกล่าวถึงเครื่องรางของขลังเกี่ยวกับเด็กหรือภูตผี ที่นำมาใช้งานกันหลายๆคนอาจจะคิดถึงกุมารทอง เท่านั้นแต่หลายๆท่านเองอาจจะเคยได้ยิน รักยม กุมาร เครื่องรางของขลังที่อยู่คู่ความเชื่อของคนไทยมายาวนาน แล้วรักยม เป็นกุมารที่เก่งกาจในด้านไหนวันนี้จะพาทุกท่านไปรู้จักกับรักยมกัน
นงน้อย.com เว็บอัพเดพข่าวสาร เกี่ยวกับเรื่องโชคลาภ
ลักษณะของรักยม
รักยม คือเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง ลักษณะรูปร่างจะเป็นไม้สองท่อนที่แกะสลักเป็นรูปร่างของเด็กยืนหันหน้าชนกันโดยไม้ท่อนแรกนั้นจะสร้างจากรากของต้นรักที่ยืนต้นตายเท่านั้น ส่วนอีกท่อน จะแกะจากต้นมะยมที่ยืนต้นตายเท่านั้น มีเชือกหรือด้ายสายสิญจน์มัดไว้ให้ไม้ทั้งสองท่อนอยู่ติดกันและไม้นั้นถูกนำบรรจุอยู่ในขวดขนาดไม่ใหญ่พอดีกับไม้แกะสลักทั้งสอง แช่ในน้ำมัน
ตำนาน รักยม
ตำนานของรักยมนั้นมีกล่าวไว้ดังนี้ว่า เมื่อครั้งหนึ่งในป่าหิมพานต์ สถานที่ที่เหล่าฤาษีทั้งหลายใช้ในการภาวนาและบำเพ็ญตบะนั้น มีฤาษีผู้หนึ่งชื่อว่า พหลปีติฤาษี ท่านได้ออกจากอาศรมเพื่อไปหาเก็บผลหมากรากไม้มาเพื่อดำรงชีวิต เมื่อผ่านบ่อน้ำซึ่งในบ่อมีดอกบัวอยู่เยอะมากท่านก็ได้มองเห็นสองกุมาร อยู่ในรัตนอุบลหรือบัวสายที่มีสีแดง เมื่อเห็นดังนั้นแล้วพระฤาษีจึงได้นำทั้งสองกุมารมาเลี้ยงมาดูแลที่อาศรมของตน เมื่อกุมารทั้งสองเติบใหญ่ จึงตั้งชื่อให้ว่า รัตตะกุมาร และ ยมกะกุมาร และพระฤาษียังได้ถ่ายทอดสรรพวิชาต่างๆทั้งคาถาอาคมต่างๆให้กับกุมารทั้งสองจนหมดสิ้น เมื่อเติบใหญ่ รัตตะกุมารนั้นมีรูปโฉมงดงาม ส่วน ยมกะกุมารนั้นไม่ได้รูปโฉมงดงามเท่ารัตตะกุมาร แต่ในด้าน ความชำนาญสรรพวิชานั้น เหนือกว่าทุกประการ เมื่อทั้งสองเติบใหญ่จึงได้ขอลาพระฤาษี ผู้ที่เปรียบเสมือนอาจารย์และบิดามารดาของตน เข้าไปในเมืองเพื่อใช้ชีวิต เมื่อกุมารทั้งสองเข้าเมืองก็ได้เป็นนักรบที่เก่งกาจ เพราะมีสรรพวิชาที่ฤาษีถ่ายทอดให้ แม้ชีวิตจะมีอุปสรรคมากมาย แต่ทั้งสองก็ฝ่าฟันมาได้เสมอจนได้รับคำชมว่าเป็นเลิศในด้านสรรพวิชา ทำให้ครูบาอาจารย์ต่างนิยมสร้างรักยมเพื่อไว้ใช้งานและให้คุ้มครองลูกศิษย์ลูกหาจนมาถึงปัจจุบัน
ความเชื่อ การบูชารักยม
รักยมนั้น เป็นเครื่องรางของขลังที่มีความเชื่อกันว่า หากมีไว้บูชากับตัวนั้นตามชื่อของรักยมเลยนั่นคือ เด่นในเรื่องของเมตตามหานิยม ค้าขายโชคลาภ เรียกเงิน เรียกทอง หากพกติดตัวจะเป็นเสน่ห์แก่เจ้าของเข้าหาผู้หลับผู้ใหญ่ เค้าเอ็นดูรักเราเป็นพิเศษเอ่ยปากขอร้องใครเค้ายินดีทำให้ เสน่ห์หาทันตาเห็น หากเรามีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ ไปพึ่งพาใคร ย่อมจะสมหวังได้ด้วยดีไม่ผิดหวัง ส่วนวิธีบูชารักยมตามความเชื่อนั้นมีดังนี้
จุดธูปกลางแจ้ง
หากท่านได้รักยมมาแล้ว ก่อนที่ท่านจะนำรักยมเข้าบ้านท่านต้องจุดธูปกลางแจ้งในเขตบ้านของท่านเพื่อบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางก่อนว่าท่าน จะนำรักยมเข้ามาในบ้าน
จุดธูปที่ศาลพระภูมิ
จากนั้นจุดธูปอีก 5 ดอกเพื่อเป็นการบอกพระภูมิเจ้าที่ให้ท่านเปิดทางให้รักยมของเราเข้ามาในบ้าน
แนะนำให้รักยมรู้จักคนในบ้าน
การแนะนำนั้นให้บอกชื่อไปเลยว่ามีใครอยู่ในบ้านบ้างเพื่อเค้าจะได้ไม่ไปกวน และไล่ออกจากบ้าน เพราะเค้าจะคิดว่าเป็นคนอื่น
เลี้ยงรักยม
การเลี้ยงรักยมนั้นเหมือนเลี้ยงกุมารทอง หรือเลี้ยงเด็กคือให้ข้าวให้น้ำเค้า ถ้าเค้าทำดีทำงานสำเร็จควรจะให้ขนมหรือของเล่นเค้าเป็นการตอบแทนเค้า สิ่งที่ขาดไม่ได้คือน้ำเปล่า และ สิ่งที่ไม่ควรให้รักยมเลยนั่นคือของดิบๆไม่ผ่านกรรมวิธี หรือ เหล้าสุรา ไม่ควรให้โดยเด็ดขาด
บอกกล่าวเค้าเสมอ
เวลาเราจะไปทำอะไรที่ไหนออกไปข้างนอกให้พูดกับเค้าเหมือนลูกคนหนึ่งว่า พ่อจะไปทำนั่นนี่นะ รักยมให้ไปกับพ่อแล้วให้งานสำเร็จนะ
รักยม มีคาถาบูชาเช่นเดียวกับ เครื่องรางของขลังแบบอื่นๆ ควรจำไว้ให้มั่นนั่นคือ “จิเจรุนิ จิตตัง เจตตะสิกกัง รูปัง กุมาโรวา นิมิตตัง เจ้ารัก เจ้ายม อิคัจฉายะ อาคัจฉาหิ จิตติ เอหิ นะมะพะทะ สวาหะ” หมั่นท่องเสมอ ในวันพระหรือตอนเช้าก่อนออกไปทำงาน
สรุป
ความเชื่อเรื่องเครื่องรางของขลังของไทยนั้น มีมานานแล้ว ซึ่งยังมีผู้เลี้ยงรักยมอยู่ในปัจจุบัน การเลี้ยงรักยมกุมารนั้นไม่ต่างจากการเลี้ยงเด็กสักคนเลย ถ้าคิดจะเลี้ยงต้องคิดให้ดีและ ดูความน่าเชื่อถือของคนที่นำมาให้คุณบูชาด้วย ของปลอมก็เยอะ ของไม่ดีก็เยอะ เพื่อหลอกเอาเงินจากกระเป๋าคนที่หลงเชื่อ จึงต้องรอบคอบและระวังให้ดี
ยังมีเรื่องราวต่างๆอีกมากมาย ท่านสามารถติดตามที่จากเว็บนี้