ตำนาน หลวงพ่อ พระใส นักท่องเที่ยวแห่กราบไหว้ขอพร หากจะพูดถึงหนองคายแล้วนั้นสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงและผู้ที่ไปเที่ยวหนองคายนั้น ไม่ควรพลาดเลยนั่นคือ การไปไหว้พระขอพร หลวงพ่อ พระใส ณ วัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคายนั่นเอง ทำไมเมื่อไปถึงหนองคาย สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด จึงเป็นวัดโพธิ์ชัย หาคำตอบได้จากบทความครับ
หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย
หลวงพ่อ พระใส วัดโพธิ์ชัยเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะล้านช้าง หล่อองค์พระด้วยทองสีสุกมีลักษณะอ่อนช้อยงดงาม มีขนาดหน้าตักกว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว มีส่วนสูงจากพระเกศจนถึงเบื้องล่างมีความสูง 4 คืบ 1 นิ้ว ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ วัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคาย
ในส่วนของวันนี้ ก่อนจะไปกันต่อในบทความนี้..ขอเสนอ นงน้อย.com เว็บอัพเดพข่าวสาร เกี่ยวกับเรื่องโชคลาภ
ตำนานการสร้างหลวงพ่อพระใส
ตามประวัตินั้นเล่าว่า พระราชธิดา 3 องค์ของกษัตริย์ล้านช้างซึ่งเป็นพี่น้องที่รักใคร่กันมาก ได้ร่วมสร้างพระพุทธรูปประจำพระองค์ขึ้น เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาแล้วตั้งชื่อว่า พระสุก พระเสริม และพระใส มีขนาดพระลดหลั่นกันตามลำดับ พระสุกนั้นประจำพระธิดาองค์โต พระเสริมนั้นประจำพระธิดาองค์กลาง และสุดท้ายพระใสนั้นประจำพระธิดาองค์สุดท้อง มีตำนานการสร้างว่าเมื่อครั้งมีพิธีการหล่อพระนั้นมีผู้สูบเตาหล่อพระอยู่ไม่ขาดระยะเป็นเวลาทั้งสิ้น 7 วันแต่ทองในเบ้านั้นก็ยังไม่ละลาย ในวันที่ 8 มีหลวงตา กับ เณรน้อย กำลังสูบเตาอยู่นั้นได้มีชีปะขาวคนหนึ่งมาช่วยมาขออาสาทำหลวงตากับสามเณรจึงไปฉันเพล ญาติโยมที่กำลังจะมาส่งข้าวเพื่อถวายเพลพระนั้นมองลงมาเห็นชีปะขาวหลายคนมากจึงไม่ได้ลงมาช่วยพอพระท่านฉันเพลเสร็จจะลงมาทำต่อ จึงพาชาวบ้านทั้งหลายลงมาก็เห็นเกิดอัศจรรย์ เพราะทองที่หลอมมา 7 วันแล้วก็ยังไม่ละลายนั้น กลับ ละลายและถูกเทเข้าไปในเบ้าทั้ง 3 เบ้าแล้ว และไม่เห็นชีปะขาวองค์นั้นแล้ว
ตำนานการเดินทางของหลวงพ่อพระใส
หลังจากพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์สร้างเสร็จแล้วนั้น ได้ประดิษฐานไว้ ณ เมืองหลวงของอาณาจักรล้านช้างมาช้านานมีคำบอกเล่ากันต่อมาว่า เมื่อใดที่บ้านเมืองล้านช้างไม่สงบพระพุทธรูปทั้ง 3 จะถูกนำไปซ่อนบนภูเขาควาย หากเหตุการณ์บ้านเมืองปกติแล้วจะนำกลับมาไว้ตามเดิม จนมาถึงในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 3 ได้เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์ขึ้น รัชกาลที่ 3 จึงมีรับสั่งให้ทำลายเมืองเวียงจันทร์ให้สิ้น เมื่อสงบแล้วจึงได้อัญเชิญพระสุก พระเสริม พระใส จากภูเขาควายมาไว้ที่เมืองหนองคายวิธีการอัญเชิญมานั้นคือนำพระพุทธรูปทั้งสามประดิษฐานบนแพที่ทำจากไม้ไผ่ล่องมาตามลำน้ำงึม เมื่อล่องมาถึงเวิ่นแท่นก็เกิดเหตุการณ์แท่นที่ประดาฐานพระสุกแหกแพจมลงไปในน้ำ บริเวณนั้นจึงชื่อเวิ่นแท่นเป็นต้นมา หลังจากนั้นล่องแพต่อมาจนถึงแม่น้ำโขง เยื้องๆกับบ้านหนองกุ้ง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย พระสุกได้แหกแพจมลงไปในน้ำ บริเวณนั้นจึงชื่อเวิ่นสุก ด้วยเหตุนี้จึงเหลือเพียง 2 องค์นั่นคือพระเสริมกับพระใส มาจนถึงเมืองหนองคาย และอัญเชิญ พระเสริมนั้นประดิษฐาน ณ วัดโพธิ์ชัย และ พระใส ประดิษฐาน ณ วัดหอก่องในปัจจุบันคือ วัดประดิษฐ์ธรรมคุณ ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 4 หรือ คิงมงกุฏ ได้มีรับสั่งให้อัญเชิญพระเสริม และ พระใสลงมากรุงเทพมหานคร ครั้นหลวงพ่อ พระใส มาถึงวัดโพธิ์ชัยนั้นเกิดอัศจรรย์เกวียนที่อัญเชิญพระใสหัก ไม่ว่าจะทำเช่นใดก็ไม่สามารถอัญเชิญพระใสลงมายังกรุงเทพได้ จึงต้องนิมนต์ท่านไว้ที่วัดโพธิ์ชัย ส่วนพระเสริมนั้น อัญเชิญประดิษฐาน ณ วัดปทุมวนาราม จนมาถึงปัจจุบัน เพราะเหตุการณ์นี้ผู้คนจึงเรียกหลวงพ่อ พระใสว่าหลวงพ่อเกวียนหัก
ควรไปขอพร หลวงพ่อพระใสในเรื่องอะไร
นักท่องเที่ยว และ ชาวบ้านส่วนมากนั้นนิยมไปขอพระองค์หลวงพ่อ พระใสในเรื่องของ การเดินทางให้แคล้วคลาดปลอดภัยเพราะเคยมีเหตุเครื่องบินตกแต่คนบนเครื่องไม่เป็นอะไร และยังขอพรให้ชีวิตครอบครัวมีความสุข รวมไปถึงการขอบุตร ถ้าหากใครมีบุตรยากลองมากราบขอพรหลวงพ่อ พระใสดูสักครั้ง
บทสรุป
จากเรื่องราวตำนานปาฏิหาริย์ต่างๆขององค์หลวงพ่อ พระใส และ ประสบการณ์ ที่เกิดขึ้นกับผู้คนมากมาย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องการันตีว่า หากท่านเดินทางไปเที่ยวยังจังหวัดหนองคาย ท่านไม่ควรพลาดที่จะเดินทางไปกราบหลวงพ่อ พระใส ณ วัดโพธิ์ชัย
ยังมีเรื่องราวอื่นๆเกี่ยวกับความเชื่อและความศรัทธา ซึ่งท่านสามารถติดตามที่จากเว็บนี้