ตำนานปอบลิ้นดำ จังหวัดสุรินทร์

ตำนานปอบลิ้นดำ จังหวัดสุรินทร์

ถ้าพูดถึงตำนานปอบลิ้นดำ เชื่อว่าหลายคงอาจจะไม่เคยได้ยิน เพราะตำนานเรื่องนี้เป็นตำนานพื้นบ้านที่บอกว่าเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นจริง กับพระธุดงค์รูปหนึ่งที่ได้เดินทางไปถึงจังหวัดสุรินทร์ในอดีตที่ผ่านมา และในบทความนี้จะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระรูปหนึ่งที่ได้พบเจอกับปอบลิ้นดำตนนี้ ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร

เว็บอัพเดทข่าวสารที่เกี่ยวกับโชคลาภที่ดีที่สุดสำหรับคุณ นงน้อย.com

ลักษณะของปอบ

ตามความเชื่อพื้นบ้านของไทยโดยเฉพาะภาคอีสาน เชื่อกันว่าเป็นผีที่กินของดิบสดๆ ที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม โดยมีความเชื่อว่าผู้ที่จะกลายเป็นปอบนั้นมักจะเป็นผู้ที่เล่นคาถาอาคม คุณไสยมนต์ดำ พอรักษาคาถาอาคมที่มีอยู่กับตัวไม่ได้ หรือกระทำผิดข้อห้าม ซึ่งในภาษาอีสานเรียกว่า คะลำ ซึ่งผู้ที่จะเป็นปอบเป็นได้ทั้งหญิงและผู้ชาย ปอบไม่มีตัวตนเป็นจิตวิญญาณมิจฉาทิฏฐิ จะเข้าสิงร่างกายคนที่เป็นสื่อให้ และใช้ร่างหรือรูปร่างของคนนั้นไปกระทำสิ่งไม่ดีต่างๆ โดยเชื่อว่าหากวิญญาณปอบเข้าสิงสู่ผู้ใดจะกินตับไตไส้พุง ผู้ที่โดนสิงจนกระทั่งเสียชีวิต ผู้ที่โดนกินก็จะเสียชีวิตเหมือนการนอนหลับธรรมดาไม่มีบาดแผล หรือที่เรียกว่าไหลตาย

ตำนานปอบลิ้นดำ จังหวัดสุรินทร์ - ล็อตโตสด59

พระธุดงค์

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปี 2542  เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรงของพระธุดงค์รูปหนึ่งที่มีชื่อว่า พระพงษ์ ซึ่งในตอนนั้นพระพงษ์ได้ติดตามพระอาจารย์รูปหนึ่งไปธุดงค์ ซึ่งพระทั้งสองรูปได้เดินตั้งแต่จังหวัดฉะเชิงเทรา มุ่งไปที่แดนอีสานเดินเท้าเปล่าไปเรื่อยเรื่อย ซึ่งการเดินธุดงค์ของพระพงษ์และพระอาจารย์ในครั้งนี้ กินเวลาไปเกือบ 2 เดือนถึงจะได้ไปถึงจังหวัดสุรินทร์ในช่วงเวลาค่ำ และพระท่านก็ได้เลือกทำเลปักกลดซึ่งเป็นวัดร้างแห่งหนึ่ง ตกค่ำหลังจากที่พระทั้งสองรูปทำกิจวัตรสวดมนต์เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มีผู้ใหญ่บ้านมากับลูกบ้านอีก 4-5 คนเข้ามากราบบูชาสักการะพระอาจารย์ แล้วก็พูดขึ้นมาว่า “นมัสการครับพระอาจารย์ทั้งสองดีเหลือเกินแถวนี้ไม่มีพระมาโปรดญาติโยมชาวบ้านมานานแล้ว” แล้วผู้ใหญ่บ้านก็ถามต่อว่า “พระอาจารย์จะมาปักกลดโปรดญาติโยมอยู่สักกี่วันล่ะ” ซึ่งพระอาจารย์ได้ตอบกับผู้ใหญ่บ้านไปว่า “สถานที่และบรรยากาศเงียบสงบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมคิดว่าจะอยู่สัก 2-3 วัน เนื่องจากเดินธุดงค์เดินมานานมากแล้ว ก็อยากพักปฏิบัติธรรมสักที” ผู้ใหญ่บ้านนั้นก็อนุโมทนาสาธุแล้วก็พูดอีกว่า “เดียวผมกลับไปจะให้ลูกบ้านไปป่าวประกาศบอกคนอื่นว่ามีพระมาโปรดญาติโยมบริเวณนี้จะได้มาทำบุญใส่บาตรกันนะครับ” ว่าแล้วผู้ใหญ่บ้านก็ได้ก้มลงกราบแล้วขอลากลับ และพระทั้งสองรูปก็นั่งปฏิบัติธรรมกันต่อ จนกระทั่งเกือบ 6 โมงเช้า พระพงษ์ก็เตรียมตัวที่จะออกบิณฑบาต แต่พระอาจารย์บอกว่าวันนี้ไม่ต้องออกไปบิณฑบาต เพราะจะมีชาวบ้านนำของมาถวาย และพระอาจารย์ท่านบอกกับพระพงษ์ว่า “ให้จำเอาไว้นะตอนที่ชาวบ้านมาทำบุญตักบาตรให้เรานั้น ท่านจงสังเกตเอาไว้ให้ดีจะมีหญิงวัยกลางคนสองคนที่แต่งตัวไม่เหมือนคนในพื้นที่แถวนี้ จะนำกับข้าวมาถวายให้เรา และกับข้าวที่นำมาถวายนั้นจะไม่เหมือนชาวบ้านในบริเวณนี้ด้วย” ซึ่งพระพงษ์ก็ได้รับฟังคำสั่งพระอาจารย์ และท่านก็บอกอีกว่า ถ้าหญิงวัยกลางคนสองคน เขานำข้าวมาประเคนก็ให้รับไว้ก่อน

ตำนานปอบลิ้นดำ จังหวัดสุรินทร์

หญิงสาววัยกลางคน

ซึ่งเวลาเจ็ดโมงเช้าขาวบ้านก็ได้นำข้างกับข้าวมาถวายพระทั้งสองรูป และในกลุ่มชาวบ้านก็ได้มีหญิงวัยกลางคนสองคนที่แต่งตัวไม่เหมือนชาวบ้านในพื้นที่ นำข้าวมาถวายให้กับพระทั้งสองรูปจริง ซึ่งพระพงษ์ก็รู้สึกประหลาดใจว่าทำไม่พระอาจารย์ถึงรู้ได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แต่พระพงษ์ก็ได้แต่เก็บความคิดนี้ไว้ในใจ ต่อมาหญิงทั้งสองก็ได้นำข้าวมาถวายกับพระทั้งสองรูปโดย ข้าวที่นำมาถวายนั้นเป็นข้าวสวย และผัดกระเพาหมู ซึ่งก็ไม่เหมือนกับอาหารที่ชาวบ้านนำมาถวายอีกเพราะส่วนใหญ่ชาวบ้านที่เป็นคนอีสานจะนำข้าวเหนียวมาถวายแทนนั้นเอง ซึ่งต่อมาทางพระทั้งสองรูปก็ได้ให้พรกับชาวบ้านและพอชาวบ้านกลับไป พระอาจารย์ก็บอกกับพระพงษ์ว่า “ท่านอย่าได้ ฉันอาหารที่หญิงทั้งสองคนนำมาให้โดยเด็ดขาด” ซึ่งพระพงษ์ก็เกิดความสงสัยจึงถามไปยังพระอาจารย์ ท่านจึงบอกว่าคอยดูต่อไปและนำอาหารที่หญิงวัยกลางคนทั้งสองนำมาถวายใส่ลงไปในบาตร และนำไปตั้งไว้กลางแจ้งตรงที่ปักกลดไว้ แล้วเวลาค่ำหลังจากทำวัตรเสร็จ ท่านก็ไปดูว่ามีอะไรอยู่ในบาตรกันแน่ ซึ้งพอตกเย็นหลังจากทำวัตรเสร็จพระพงษ์ก็ได้ นำไฟฉายไปส่องดูในบาตรจริง ปรากฏว่าสิ่งที่พระพงษ์ได้เห็นทำให้ท่านถึงกับตกใจเพราะสิ่งที่อยู่ในบาตรนั้นคือ ตะปู เม็ดทราย เศษหินเศษเหล็ก เต็มไปหมดเลยและพระพงษ์ก็รีบเดินไปหาพระอาจารย์แต่ยังไม่ทันถามอะไร พระอาจารย์ท่านก็ได้บอกว่า “เขาไม่ชอบเราเขาคิดว่าเราจะมาทำลายที่หากินของเขา” และให้รีบเข้ากลดถ้าคืนนี้ได้ยินเสียงอะไรห้ามออกจากกลดเด็ดขาด

 

ปอบลิ้นดำ

ต่อมาในระหว่าที่พระพงษ์เข้าไปในกลด ทางพระอาจารย์ก็ได้ถือด้ามกลดเดินมาที่กลดของพระพงษ์ และได้ท่องคาถาอะไรสักอย่างพร้อมทั้งนำด้ามกลดมาขีดไว้รอบบริเวณที่พระพงษ์อยู่ และพระอาจารย์ก็ได้บอกกับพระพงษ์อีกรอบว่า “ห้ามออกมาจากกลดเด็ดขาด” ซึ่งพระพงษ์ก็ตอบรับคำของพระอาจารย์ และในเวลาต่อมาไม่นานหลังที่พระทั้งสองรูปจำวัดอยู่ก็ได้มีลมแรงเกิดขึ้น และมีเสียงหมาหอนขึ้นมาใกล้ๆตัวของพระพงษ์ ในขณะนั้นพระพงษ์ได้ลืมตาขึ้นมาปรากฏว่าสิ่งที่ท่านได้เห็น ก็คือมาหมาตัวสีดำขนาดใหญ่พอๆกับควาย ยื่นจ้องมองและพร้อมที่จะเข้ามาทำร้ายท่าน แต่พอหมาตัวนั้นเดินเข้ามาถึงเส้นที่พระอาจารย์ท่านได้ขีดไว้ หมาตัวนั้นก็ถอยทันที่ และต่อมาพระอาจารย์ท่านก็ได้ถือด้ามกลดออกมาและฟาดไปที่หมาตัวนั้นอย่างแรง จนหมาตัวนั้นล้มลงและร้องโหยหวนออกมา แต่สิ่งที่พระพงษ์เห็นนั้นก็คือหมาตัวนั้นที่ร้องออกมาดันร้องมาเป็นเสียงผู้หญิง และกลายร่างกับมาเป็นผู้หญิงสองคนที่นำกับข้าวมาถวายเมื่อเช้านั้นเอง ขณะนั้นพระพงษ์ท่านรู้สึกตกใจมากแต่ก็ไม่ได้ออกมาจากกลด และพระอาจารย์ก็พูดกับหญิงคนที่นอนอยู่กับพื้นว่า “เรามาเพียงแค่ธุดงค์ไม่ได้อยากมาทำร้ายใคร เพราะฉะนั้นต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า” และแล้วหลังจากที่พระอาจารย์ท่านพูดเสร็จ หญิงสาวสองคนนั้นก็ได้หายไปต่อหน้าต่อพระพงษ์ ต่อมาเวลาเช้าพระอาจารย์ก็ได้เดินมาบอกกับพระพงษ์ว่า เรารีบเดินทางต่อจะดีกว่าเพราะเมื่อคืนเป็นเพียงน้องสาว แต่ถ้าคืนนี้คาดว่าพี่สาวน่าจะมาแค้นและกับมาอย่างแน่นอน ซึ่งพระอาจารย์ก็ได้บอกอีกว่าปอบพวกนี้เป็นปอบที่มีวิชาอาคมแก่กล้า เล่นอาคมจนมีลิ้นสีดำของเข้าตัวเองเพราะผิดครู และจะเลี้ยงหมาดำเอาไว้ล่าเหยื่อในเวลาหากินเพราะเมื่อใดที่หมาดำอิ่มคนเลี้ยงก็จะอิ่มไปด้วย และเมื่อไรที่หมาดำเจ็บคนเลี้ยงก็จะเจ็บไปด้วย ซึ่งพระพงษ์เมื่อได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นก็ถึงกับอึ่ง และในเวลาต่อมาหลังจากที่ออกมาจากที่ตรงนั้นแล้วพระพงษ์ก็ได้สึกออกมาแล้ว ก็เลยได้นำเรื่องราวตรงนี้มาเล่าจนกลายเป็นตำนานปอบลิ้นดำมาจนถึงทุกวันนี้

 

สรุป 

ตำนานปอบ ลิ้นดำ เป็นเรื่องราวที่ถูกเล่า โดยพระธุดงค์รูปหนึ่งที่ได้เดินทางไปธุดงค์กับพระอาจารย์ ที่จังหวัดสุรินทร์ และได้พบเจอกับเรื่องราวที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอนั้นก็คือเรื่องเกี่ยวกับคุณไสยมนต์ดํา และคนที่เล่นของลองวิชาจนกลายเป็นปอบ ลิ้นดำ ทำให้เกิดเป็นเรื่องราวที่ถูกเล่าต่อกันมาจนกลายเป็นตำนานที่โด่งดังมากในตอนนั้น และปัจจุบันคนก็ยังพูดถึงตำนานปอบ ลิ้นดำตรงนี้อยู่ว่ามันเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริงในอดีต

ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับตำนาน ความเชื่อ เรื่องเล่าเรื่องผีอีกมากมาย ท่านสามารถติดตามที่จากเว็บนี้