ตำนานนางผมหอม ถ้ำเอราวัณ จ.หนองบัวลำภู
เมื่อพูดถึงเรื่องตำนานเก่าแก่ของภาคอีสาน หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องตำนานนางผมหอมผ่านหูกันบ้าง อาจจะได้ยินจากคณะหมอลำพื้นบ้านหลายคณะที่นำตำนานเรื่องนี้มาจัดแสดงให้ได้ดูกัน แต่ท่านรู้หรือไม่ว่าตำนานนางผมหอมนี้ ยังมีความเกี่ยวข้องกับ ถ้ำเอราวัณ ของจังหวัดหนองบัวลำภูอีกด้วย ส่วนจะมีความเกี่ยวข้องอย่างไร ตามไปอ่านกันได้ในบทความนี้กันเลยค่ะ
เว็บอัพเดทข่าวสารที่เกี่ยวกับโชคลาภที่ดีที่สุดสำหรับคุณ นงน้อย.com
ถ้ำเอราวัณ
ถ้ำเอราวัณ เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่บ้านผาอินทร์แปลง ตำบลวังทอง อำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู ชาวบ้านเรียกถ้ำแห่งนี้ว่า “ถ้ำช้าง” เนื่องจากลักษณะของถ้ำเหมือนช้างกำลังหมอบอยู่ และเรียกตามชื่อของภูเขานั้นก็คือ “ภูผาถ้ำช้าง” ภายหลังพระครูปลัดฝั่น ปาเรสโก ท่านได้ธุดงมาพักปฏิบัติธรรมที่เชิงเขาแห่งนี้ ท่านเกิดศรัทธาบริจาคทรัพย์สร้างช้างปั้นเอราวัณ เอาไว้ตรงเชิงบันไดขึ้นถ้ำ จึงได้เรียกชื่อใหม่เป็น “ถ้ำเอราวัณ”
เชิงเขามีพระพุทธรูปขนาดใหญ่อยู่บริเวณปากถ้ำ ถ้ำเอราวัณเป็นมรดกทางธรรมชาติ ไม่มีหลักฐานว่าผู้ใดเป็นผู้ค้นพบและค้นพบ ถ้ำเอราวัณตั้งอยู่บนภูเขาทอดยาวข้ามระหว่าง 2 จังหวัดนั้นคือ อำเภอวังสะพุง จ.เลย (อำเภอเอราวัณในปัจจุบัน) กับอำเภอนาวัง จ.หนองบัวลำภู ถ้ำนี้ยังเป็นสถานที่แห่งตำนานนิยายพื้นบ้านของชาวบ้านบริเวณนี้ที่เล่าต่อกันมาอย่างยาวนานนั้นก็คือเรื่อง “นางผมหอม”
ตำนานนางผมหอม
ตำนานเล่าว่า เมื่อนานมาแล้วสามีภรรยาคู่หนึ่ง มีลูกสาวนามว่า เทวี เป็นคนที่มีหน้าตางดงามและถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี อยู่มาวันหนึ่งเทวีเข้าป่าเพื่อไปหาของป่า นางเดินเข้าป่ามาไกลจนเกิดกระหายน้ำและได้เหลือบไปเห็นน้ำที่ขังอยู่ในรอยเท้าโค เทวีจึงก้มดื่มน้ำนั้น แต่ก็ยังรู้สึกกระหายอยู่ จากนั้นนางก็มองไปเห็นน้ำที่ขังในรอยเท้าช้างดูใสสะอาดจึงก้มลงดื่มจนความหิวกระหายหมดไป ผ่านไปหลายวันหลังจากที่เทวีกลับออกจากป่า นางก็ตั้งครรภ์โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อเด็กในท้อง นางจึงสงสัยว่าลูกในท้องอาจจะเป็นลูกของพญาโคหรือไม่ก็พญาช้าง จึงได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อแม่ฟัง เมื่อเวลาผ่านไปนางก็ได้คลอดลูกแฝดหญิง คนพี่ให้ชื่อว่า ผมหอม เนื่องจากผมของนางมีกลิ่นหอมตั้งแต่แรกเกิดคนน้องชื่อว่าลุน เมื่อเติบโตนางผมหอม เป็นคนโอบอ้อมอารี ใจดี ผิดกับนางลุนที่เป็นคนขี้อิจฉา อีกทั้งยังชอบแกล้งนางผมหอมอยู่เสมอ ทั้งสองคนมักโดนเด็กคนอื่นล้อว่าเป็นลูกไม่มีพ่อมาตลอด เมื่อเติบโตจึงได้ถามเรื่องพ่อของตนกับแม่ นางเทวีจึงเล่าความจริงให้ฟังว่าพ่อของพวกเจ้าก็คือพญาช้างและพญาโค แต่ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นลูกพญาโค ใครเป็นลูกพญาช้าง เมื่อได้ยินเช่นนั้นทั้งสองจึงออกไปตามหาพ่อในป่า เมื่อเดินทางมาหลายวัน ทั้งสองก็ได้พบกับพญาช้างใหญ่ เมื่อพญาช้างเห็นทั้งสองก็จะฆ่าพวกนาง เพราะคิดว่าบุกรุกเข้ามา นางผมหอมผู้ได้ร้องไห้อ้อนวอนขอชีวิต และได้เล่าให้ฟังว่าพวกนางเป็นลูกของแม่เทวีกับพญาช้างและพญาโค จากนั้นนางลุนก็พูดว่า ตนเป็นลูกของพญาช้างส่วนพี่สาวเป็นลูกของพญาโค หากจะฆ่าก็จงฆ่าพี่สาวข้าเถิด แต่พญาช้างได้ให้พวกนางพิสูจน์ว่าใครกันแน่ที่เป็นลูกของตน จึงได้ตั้งจิตอธิฐานว่าหากใครที่สามารถปีนงวงขึ้นมาขี่คอตนได้ คนนั้นก็คือลูกของตน นางลุนที่มั่นใจนักว่าตัวเองเป็นลูกช้าง รีบปีนขึ้นงวงหมายจะขึ้นหลังช้างให้ได้ แต่พยายามเท่าไหร่ก็ขึ้นไม่ได้สักที พญาช้างจึงสั่งให้นางพอและให้นางผมหอมลองขึ้นมาแทน เมื่อถึงคราวนางผมหอม นางก็สามารถขึ้นไปบนหลังของพญาช้างได้อย่างง่ายดาย เมื่อนางลุนเห็นเช่นนั้นจึงได้พยายามปีนขึ้นอีกหลายครั้ง พญาช้างที่ห้ามเท่าไหร่นางก็ไม่ฟัง ในที่สุดพญาช้างจึงใช้เท้ากระทืบนางลุนตาย จากนั้นก็พานางผมหอมผู้เป็นลูกไปยังที่อยู่ของตน และได้สร้างปราสาทหินให้เป็นเรือนที่อยู่ของนางผมหอม แม้จะดีใจที่ได้พบพ่อแต่ก็สงสารน้องสาว นางจึงได้ร้องไห้คนเดียวมาตลอดโดยไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้พญาช้างฟัง พญาช้างดูแลนางผมหอมเป็นอย่างดีด้วยความรักความเอาใจใส่
เมื่อนางผมหอมอาศัยอยู่ในป่ามาเป็นเวลานานจึงเกิดความเหงา นางจึงอยากมีใครสักคนมาอยู่เคียงข้างกายในวันที่นางผมหอมไปอาบน้ำที่แม่น้ำเช่นเคย นางได้เตรียมผอบไปด้วย ในผอบมีผมของนางอยู่กลิ่นหอมของเส้นผมโปรยออกมานอกผอบอย่างชัดเจน จากนั้นนางได้ตั้งจิตอธิฐานว่า “ผอบนี้ จงลอยน้ำไปขอกลิ่นหอมของเส้นผมอย่าได้จางหาย ขอให้ผู้ที่เป็นเนื้อคู่นางเท่านั้นที่เก็บผอบนี้ได้ และขอให้ชายที่เป็นเนื้อคู่เก็บมีใจมั่นที่จะออกตามหาตัวเราจนได้พบกันเถิด” ผอบของนางนั้นได้ลอยมาถึงเมืองรัตนาและลอยวนเวียนไปมาอยู่แถว ๆ ท่าน้ำ ด้านหน้าพระราชวัง เมืองแห่งนี้มีกษัตริย์รูปงามนามว่าพระเจ้ารัตนะ ยังไม่มีพระมเหสี พระองค์ได้พบกับผอบที่ลอยอยู่กลางน้ำ กลิ่นหอมแห่งผมก็กระจายไปทั่วบริเวณ พระองค์จึงให้ข้าราชบริวารลงไปเก็บผอบนั้นมาแต่ก็ไม่มีใครสามารถจะเก็บเอาได้ พระองค์จึงทรงใคร่ลองด้วยพระองค์เองและเก็บได้อย่างง่ายดายสร้างความอัศจรรย์ใจ แก่เหล่าบริพารยิ่งนัก เมื่อเจ้ารัตนะ เปิดผอบดูจึงพบเห็นเพียงเส้นผมยาว ๆ สีดำขลับเงางามเส้นหนึ่งส่งกรุ่นกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว พระองค์คิดว่าผู้หญิง คนนั้นต้องเป็นคนมีบุญบารมีมากจึงตัดสินใจจะออกตามหานางให้พบแล้วนำมาเป็นพระมเหสีให้จงได้ ส่วนทางด้านของนางผมหอม นางกำลังอยู่ในปราสาทคนเดียวเนื่องจากวันนี้พญาช้างและบริวารได้ออกไปหาอาหาร เมื่อพระเจ้ารัตนะเดินทางตามกลิ่นหอมมาเรื่อย ๆ จนมาถึงท่าอาบน้ำนางผมหอม ในตอนนั้นก็นางผมหอมกำลังอาบน้ำอยู่ เมื่อทั้งสองพบกัน ด้วยอำนาจบุญที่เคยทำร่วมกันไว้ให้เป็นเนื้อคู่กัน ทั้งคู่ก็เกิดความรักแรกพบ เมื่อทั้งสองพูดคุยถามไถ่กันแล้ว นางผมหอมจึงพาพระเจ้ารัตนะไปบนปราสาทหิน และอยู่ด้วยกันตั้งแต่นั้นมา โดยมีข้อแม้ว่า พระเจ้ารัตนะห้ามลงจากปราสาทโดยเด็ดขาดเพราะกลัวพญาช้างจะฆ่าคนรักของตน แม้พระยาช้างจะได้กลิ่นมนุษย์คนอื่นที่ไม่เหมือนกลิ่นนางผมหอม แต่ด้วยเกรงใจลูกจึงไม่ได้ถามและขอค้นดูใน วันเวลาได้ผ่านไปนานจนนางผมผมหอมมีบุตรธิดาด้วยกัน 2 คน คนพี่เป็นชายนามว่า “สีลา” คนน้องเป็นหญิงนามว่า “ชาดา” นางผมหอมที่กลัวลูกและสามีเป็นอันตรายจึงได้พาครอบครัวหนีจากพญาช้าง
เมื่อฝ่ายพญาช้างสารรู้ ก็ได้ออกตามหาลูกและหลานจนมาพบ แต่ด้วยความเสียใจที่ถูกลูกหลานทิ้งและไม่ยอมกลับไปด้วยจึงขาดใจตาย ก่อนตายพญาช้างได้มอบงาของตนให้ พระเจ้ารัตนะไว้เป็นอาวุธ เพื่อป้องกันตนเอง ขณะที่กำลังเดินทางและพักแรมก่อนจะถึงเมืองนั้น มีนางผีป่าเกิดความเสน่หาในรูปโฉมของพระเจ้ารัตนะ เมื่อนางผมหอมอาบน้ำจึงถูกนางผีป่าผลักตกน้ำ นางผีป่าจึงแปลงร่างเป็นนางผมหอมแทน เมื่อถึงพระนครนางผีป่าก็เข้าอยู่ในวังด้วยในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่เมื่อพระเจ้ารัตนะทราบความจริงจึงหาทาง กำจัดนางผีป่าและไปรับนางผมหอมมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
สรุป
ตำนานนางผมหอม ถ้ำเอราวัณ จ.หนองบัวลำภู คือตำนานพื้นบ้านของชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งคาดว่าตำนานนี้น่าจะเกิดมาจากการที่ชาวบ้านในสมัยก่อนมองถ้ำแห่งนี้มีลักษณะเหมือนพญาช้างกำลังหมอบอยู่ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติ ตำนาน ความเชื่อ และโชคลาภอีกมากมาย ท่านสามารถติดตามที่จากเว็บนี้