ตำนานชาละวัน จระเข้ยักษ์เมืองพิจิตร

 

ตำนานชาละวัน จระเข้ยักษ์เมืองพิจิตร

ถ้าพูดถึงตำนานชาละวันเชื่อวันคงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักเกี่ยวกับตำนานเรื่องนี้ เพราะเป็นตำนานที่โด่งดังมากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เรื่องราวเกี่ยวกับจระเข้ยักษ์ตัวนี้ถูกพูดถึงในหลายเรื่องราวทั้งที่เป็นเรื่องเล่าจากคำของชาวบ้านในสมัยนั้น และยังถูกนำมาสร้างเป็นบทละครเพื่อให้ผู้คนรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับจระเข้ยักษ์ตัวนี้นั่นเอง และในบทความนี้จะพามาค้นหาความจริงเกี่ยวกับตำนาน ชาละวัน จระเข้ยักษ์แห่งเมืองพิจิตรกันนั่นเอง

นงน้อย.com เว็บอัพเดพข่าวสาร เกี่ยวกับเรื่องโชคลาภ 

 

แม่น้ำน่าน

ในอดีตแม่น้ำน่านเป็นแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์มาก เต็มไปด้วยพันธุ์ปลานานาชนิด และก็มีปริมาณของน้ำในแม่น้ำมากตลอดทั้งปี มีต้นกำเนิดมาจากดอยภูแวเทือกเขาหลวงพระบาง ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างไทยกับลาวไหลผ่านหลายจังหวัด ก่อนจะมารวมกันกับแม่น้ำปิง แม่น้ำยมและ แม่น้ำวังที่จังหวัดนครสวรรค์กลายเป็นต้นน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งแม่น้ำน่าน เป็นสายน้ำที่มีตำนานเรื่องเล่าเยอะแยะมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือตำนาน ชาละวันจระเข้ยักษ์ แห่งเมืองพิจิตร ซึ่งชาละวันนั้นเป็นจระเข้ใหญ่ยักษ์ที่เลื่องชื่อที่สุดแห่งแม่น้ำน่านเก่า สันนิษฐานว่าเรื่องราวนี้เกิดขึ้นในช่วงที่สมัยพิจิตร ยังมีเจ้าเมืองปกครองอยู่ เป็นเรื่องราวที่เล่าสืบทอดกันมาแต่โบราณนั่นเอง

 

เรื่องเล่าตำนานชาละวัน

ซึ่งเรื่องนี้เริ่มขึ้นเมื่อมีสองตายายคู่หนึ่ง ได้ออกไปหาปลาตามแม่น้ำและได้ไปพบกับไข่จระเข้ บริเวณสระน้ำแห่งหนึ่งก็เลยเก็บเอามาเลี้ยงไว้ที่บ้าน จนไข่นั้นฟักตัวเนื่องจากตากับยายไม่มีลูก สองตายายก็เลี้ยงจระเข้น้อยตัวนั้นเอาไว้ในอ่างน้ำ ดูแลอย่างดีเหมือนกับลูกเลยก็ว่าได้ แต่พอจระเข้ตัวนี้เริ่มมีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นตาและยายจึงย้ายจระเข้นี้ จากอ่างน้ำไปเลี้ยงไว้ในสระน้ำธรรมชาติใกล้ๆกับบ้านแทน โดยจะหาปลามาให้กินเป็นประจำ และเมื่อจระเข้เริ่มตัวใหญ่ขึ้นมากๆ อาหารที่ตากับยายหามาให้มันก็เริ่มที่จะไม่สามารถทำให้จระเข้ตัวใหญ่ ตัวนั้นกินอิ่มได้จนสุดท้ายวันหนึ่งจระเข้ยักษ์ตัวนั้น ก็กินตากับยายเป็นอาหารแทน เมื่อจระเข้ขาดคนเลี้ยงดูไม่มีคนคอยนำอาหารมาให้ จระเข้ยักษ์จึงหนีออกจากสะไปอาศัยอยู่ในแม่น้ำน่านเก่า ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากเดิมประมาณ 500 เมตร แม่น้ำน่านเก่าอุดมสมบูรณ์อย่างมากทำให้จระเข้ตัวดังกล่าวเริ่มมีขนาดตัวที่ใหญ่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว และด้วยความที่จระเข้ของตายายได้เคยลิ้มลองรสชาติของเนื้อมนุษย์มาแล้ว มันจึงติดใจทำให้เที่ยวออกไปอาละวาดไล่กัดไล่กินผู้คนทั้งบนบก และในน้ำไม่เว้นแม้แต่ละวัน จนมันถูกขนานนามว่าไอ้ตาละวัน ซึ่งเป็นสำเนียงภาษาพูดของชาวบ้านที่เรียกมันตามความดุร้ายเที่ยวออกไปทำร้ายผู้คนไม่เว้นแต่ละวัน แล้วจึงค่อยๆเพี้ยนเสียงมาเป็นไอ้ชาละวันอย่างที่เราคุ้นหูกันอยู่ในปัจจุบันนี้นั่นเอง

ตำนานชาละวัน จระเข้ยักษ์เมืองพิจิตร

ชาละวัน

คนสมัยนั้นได้เล่าถึงความใหญ่โตของชาละวันเอาไว้ว่าเวลาที่มันอวดศักดาลอยตัวปริ่มน้ำ ขวางคลองลำตัวของมันจะขวางทางลำน้ำ หัวอยู่ฝั่งนี้หางจะไปอยู่ฝั่งนู้น และชื่อเสียงของชาละวัน เริ่มเป็นที่กล่าวขานไปทั่วเมื่อชาละวันไปคาบลูกสาวคนหนึ่งของเศรษฐีเมืองพิจิตรในขณะที่กำลังอาบน้ำอยู่ ที่แพน้ำหน้าบ้านเศรษฐี จึงประกาศจะให้รางวัลหลายสิบชั่งพร้อมทั้งจะยกลูกสาวที่มีอยู่อีกคนให้แก่ผู้ที่สามารถฆ่าชาละวันได้จนไม่มีพ่อค้าหนุ่มจากเมืองราช ชื่อไกรทองสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากเมืองนนทบุรีรับอาสามาปราบจระเข้ยักษ์ตัวนี้ ด้วยหอกลงอาคมของหมอจระเข้จนเจ้าชาละวันตายในถ้ำของมันนั่นเอง

 

ถ้ำชาละวัน

ถ้ำชาละวันซึ่งสันนิษฐานว่าอยู่ตรงกลางแม่น้ำน่าน ห่างจากวัดถ้ำชาละวัน ตำบลย่านยาว อำเภอเมืองพิจิตร ในปัจจุบันไปทางใต้ประมาณ 300 เมตร เชื่อกันว่าตรงนั้นมีทางลงไปยังถ้ำของชาละวัน ซึ่งปากถ้ำเป็นโพรงลึกทรงกลมมีขนาดพอดีที่จะให้จระเข้ขนาดใหญ่สามารถเข้าออกได้ เรื่องเล่าขานของชาละวัน เป็นที่เลื่องลืออย่างมากจนรัชกาลที่ 2 ทรงสนพระทัย และนำไปพระราชนิพนธ์เป็นบทละครนอก และให้ขนานามจระเข้ใหญ่ตัวนั้นว่าพญาชาละวัน ซึ่งได้มีการแต่งเติมเนื้อหาเข้าไปเพิ่มหลายจุดกลายเป็นบทละครที่ถูกถ่ายทอดกันมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นภาพจำของชาละวันที่เราจำได้จนถึงทุกวันนี้นั่นเอง ซึ่งเรื่องราวของชาละวันนั้นเป็นตำนานที่เล่าขานกันมาแต่โบราณแต่ไม่มีหลักฐานที่ยืนยันถึงการมีอยู่ของจระเข้ยักษ์ตัวนี้แต่อย่างใดยกเว้นแต่คำบอกเล่าเท่านั้น จนกลายเป็นเพียงตำนาน ชาละวันจระเข้ยักษ์แห่งเมืองพิจิตรนั่นเอง

 

สรุป 

ตำนาน ชาละวัน เป็นเรื่องราวที่ถูกเล่าต่อกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่พูดถึงจระเข้ยักษ์ที่ออกอาละวาดทำร้ายหรือล่ามนุษย์เป็นอาหารที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำน่านเมืองพิจิตร ซึ่งหลักฐานในการยื่นยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ก็ไม่พบหลักฐานที่ระบุได้ว่าเรื่องราวตรงนี้เคยเกิดขึ้นจริง มีเพียงคำบอกเล่าที่ถูกเล่าต่อกันมาเพียงเท่านั่น และถูกนำมาแต่งเติมสร้างเป็นบทละครจนผู้คนรู้จักกันมากมายและกลายมาเป็นตำนาน ชาละวันในทุกวันนี้นั่นเอง

ก่อนจากกันวันนี้ ยังมีเรื่องราวที่เกี่ยว โชคลาภ ให้ท่านได้อ่าน