ตำนานงูยักษ์ในป่าลึก จ.กาญจนบุรี
ถ้าพูดถึงเรื่องเล่าตำนานงูยักษ์ เชื่อว่าเรื่องราวเหล่านี้จะมีพูดถึงอยู่ทั่วทุกมุมโลก แม้แต่ประเทศไทยเราก็มีตำนานที่พูดถึงเรื่องราวของงูขนาดยักษ์ที่ออกมาเขย่าขวัญกองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นก็คือตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับงูยักษ์แห่งจังหวัดกาญจนบุรีนั่นเอง ซึ่งบทความนี้จะพูดถึงเรื่องราวของงูยักษ์ตัวนี้ว่ามีที่มาที่ไปยังไง และเรื่องราวจะน่าติดตามแค่ไหนมาตามอ่านได้ในบทความนี้กันเลย
นงน้อย.com เว็บอัพเดพข่าวสาร เกี่ยวกับเรื่องโชคลาภ
กองทัพญี่ปุ่น
เมื่อราวปีพุทธศักราช 2485 ช่วงปลายของสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศไทยถูกกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นใช้เป็นฐานส่งกำลังทหาร เพื่อนำทัพเดินทางไปโจมตีกองทัพอังกฤษและอเมริกาที่อยู่ในประเทศพม่า และเพื่อให้การเดินทางและการลำเลียงอาวุธเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและราบรื่นกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นจึงจำเป็นต้องสร้างทางรถไฟและสะพานข้ามแม่น้ำแควเพื่อให้รถไฟวิ่งผ่าน เฉลยศึกจำนวนมากที่สุดของทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นจับมาได้จึงถูกนำมาใช้เป็นแรงงานในการสร้างทางรถไฟในจังหวัดกาญจนบุรีและแน่นอนว่า สภาพภูมิประเทศของจังหวัดกาญจนบุรีในสมัยนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นป่ารกทึบมีแม่น้ำแควน้อยกว้างใหญ่คดเคี้ยวไหลผ่านมีต้นไม้เขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์ตลอดทั้งปี ชุกชุมไปด้วยยุงป่าแล้วก็ยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านักล่าที่พร้อมจะออกมาล่าเอามนุษย์ไปเป็นอาหาร และสิ่งเหล่านี้เป็นเหตุที่ทำให้ระหว่างการก่อสร้างทางรถไฟนั้นมีทั้งโรคระบาดทั้งไข้ป่า และสัตว์ร้ายคร่าชีวิตเชลยศึกที่สร้างทางรถไฟไปอย่างมหาศาลจนมีคำกล่าวเปรียบเอาไว้ว่า 1 ไม้หมอนรถไฟสายนี้ แทนหนึ่งชีวิตมนุษย์ที่เสียไปเลย ซึ่งต่อมาทหารญี่ปุ่นใช้เฉลยทำทางเข้าไปในป่าลึก แล้วก็ตั้งฐานบัญชาการเป็นจุดกระจายไปตามเส้นทางที่จะทำการก่อสร้างทางรถไฟจนกระทั่งถึงเส้นทางบริเวณอำเภอไทรโยค ซึ่งเป็นป่ารกทึบที่ไม่เคยมีใครเข้าไปเลยแม้แต่ครั้งเดียวกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นจึงเป็นกลุ่มแรกที่รู้จักที่ตรงนั้น และเมื่อได้มีการสร้างป้อมปราการเข้าไปในในพื้นที่ของป่ามากขึ้น กลายมาเป็นการรุกล้ำเข้าไปในอาณาเขตของอสูรกายยักษ์ที่จะเขย่าขวัญกองทัพทหารญี่ปุ่นไปตลอดกาลนั่นเอง
การหายตัวของทหารญี่ปุ่น
เมื่อสร้างป้อมปราการเรียบร้อย และเพื่อป้องกันเหล่าเชลยศึกหลบหนีทหารญี่ปุ่นจึงจัดชุดลาดตระเวนรอบกองทัพเข้าเวรสลับผลัดเปลี่ยนกันเป็นการกะละ 15 นาย แต่มีเรื่องแปลกเกิดขึ้นกับทุกคนเพราะเมื่อทหารญี่ปุ่นที่ถูกส่งออกไปลาดตะเวน มักจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยวันละ 2 นาย สร้างความวิตกกังวลให้กับผู้บังคับบัญชาเป็นอย่างมากเพราะเกรงว่ากำลังพลที่หายไปอย่างไร้สาเหตุนั้น หากจะถูกข้าศึกลอบทำร้ายหรือจับตัวไปเพื่อล้วงความลับแล้วก็รอวันที่จะเข้ามาโจมตีก็เป็นได้ จึงได้มีการส่งกำลังทหารเพื่อเข้ามาในป่าแห่งนี้อย่างต่อเนื่องจากที่เคยลาดตระเวนจุดละคนก็กลายเป็นจุดละ 2 คนถึง 3 คนแต่ถึงจะมีการเพิ่มกำลังพลเข้ามามากขึ้นสักแค่ไหน ก็ดูเหมือนว่าไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นเพราะยังคงเกิดเหตุการณ์แบบเดิมขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยังคงมีทหารหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ผู้บัญชาการจึงจัดการอย่างเร่งด่วนให้จัดทีมเพื่อค้นหาแล้วก็แกะรอยเหล่าทหารที่หายไปในเช้าวันรุ่งขึ้นทันที กองทหารที่ได้รับหน้าที่แกะรอยเพื่อหาสิ่งผิดปกติได้ออกลาดตระเวนไปรอบพื้นที่ในรัศมีประมาณ 5 กิโลเมตรจนกระทั่งได้พบถ้ำที่มีลักษณะเป็นโผลงลึกมืด และมีบรรยากาศที่หนาวเย็นชวนให้ขนลุกหัวหน้าชุดลาดตระเวน ก็ไม่รอรีบพาทหราจำนวนหนึ่งเข้าไปสำรวจในถ้ำทันที
อสูรกายงูยักษ์
ขณะที่เขาไปสำรวจถ้ำจู่ๆ กองทหารที่เฝ้าอยู่ภายนอกก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 ครั้งจึงคิดว่าน่าจะมีการต่อสู้กับศัตรูฝ่ายตรงข้าม เลยรีบส่งทหารอีกกลุ่มเข้าไปเสริมทัพทันทีและในเวลาเพียงไม่กี่นาทีหลังจากที่กำลังเสริมถูกส่งเข้าไปในถ้ำ ทหารญี่ปุ่นก็ต้องวิ่งแตกกระเจิงกันออกมาเพื่อเอาชีวิตรอด พร้อมกับเสียงตะโกนด้วยความตกใจว่าสัตว์ประหลาด ซึ่งทหารที่เข้าไปในถ้ำเหลือรอดออกมาเพียงไม่กี่คน พวกที่รอดออกมาได้เล่าถึงสิ่งที่พวกเขาพบเจอภายในถ้ำแห่งนั้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ และบอกว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นมันคืองูขนาดใหญ่ยาว พวกเขาไม่เคยพบเจองูที่มันมีขนาดใหญ่โตเท่านี้มาก่อน ซึ่งแรงงานชาวไทยต่างเชื่อกันว่าในถ้ำแห่งนั้นคือที่อยู่อาศัยของพญางูผู้ดูแลพื้นที่ป่าแห่งนี้ ซึ่งต่อมาผู้บัญชาการของญี่ปุ่นต้องการที่จะจัดการกับงูยักษ์ตัวนี้อย่างเด็ดขาดโดยการเอาระเบิดยัดเข้าไปในถ้ำเพื่อระเบิดทุกสิ่งที่อยู่ข้างใน ให้แหลกเป็นจุณระเบิดจำนวนมากจึงถูกลำเลียงเข้าไปในถ้ำให้ลึกที่สุดเท่าที่จะเข้าไปได้ และระเบิดได้ถูกจุดตั้งแต่ปากถ้ำไล่เขาไปเรื่อยๆ จนทำให้เกิดเปลวไฟแล้วก็ฝุ่นฟุ้งไปทั่วและหลังจากสิ้นเสียงระเบิดเหล่าทหารญี่ปุ่น ก็พากันกรูเข้าไปในถ้ำนั้นเพื่อสำรวจอีกครั้งและสิ่งที่พวกเขาเห็นจนต้องตะลึงก็คือชิ้นส่วนของงูเหลือมขนาดใหญ่ยักษ์ยาวหลายสิบเมตรความกว้างพอๆกับตู้กับข้าวที่มีอยู่ในกองทัพ ปากของมันใหญ่โตมากมากพอที่จะเขมือบคน 3 คนได้ในคำเดียว แถมยังมีฟันที่แหลมคมเหมือนกับเคียวที่พร้อมจะแทงทะลุร่างของเหยื่อได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าเจ้างูยักษ์ตัวนี้จะมีร่างกายที่ใหญ่โตมากแต่ก็ไม่อาจจะต้านทานระเบิดจำนวนมากที่กองทัพญี่ปุ่นนำเข้าไปในถ้ำได้ร่างกายของมันขาดเป็นท่อนๆ แต่มันก็ยังมีลมหายใจอยู่และยังคงดิ้นรนพาร่างอันบอบช้ำของมันพยายามเลื้อยหนีออกจากถ้ำ เศษซากชิ้นเนื้อของเจ้างูยักษ์ยังคงดิ้นไปมาอยู่บนพื้นพวกทหารญี่ปุ่นไม่รอช้าพวกเขากระหน่ำยิงกระสุน ใส่ร่างอสูรกายยักษ์จนหมดแม็ก กระสุนของทหารหลายสิบนายหล่นเกลื่อนกลาดเต็มพื้นไปหมดอสูรกายยักษ์ตัวนี้ไม่อาจจะหนีพ้นความตายจากการยิงกระหน่ำของทหารญี่ปุ่นได้ และสุดท้ายมันขาดใจตายแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น
ต่อมาเหล่าทหารก็ได้เข้าไปสำรวจภายในถ้ำ และได้พบโครงกระดูกสัตว์น้อยใหญ่อีกทั้งยังมีโครงกระดูดมนุษย์นับร้อยอยู่ภายในนั้นด้วย ต่อมาเรื่องราวนี้ได้กลายเป็นเรื่องเล่าต่อมาจนกลายเป็นตำนานงูยักษ์แห่งกาญจนบุรีนั่นเอง
สรุป
ตำนาน งูยักษ์ในป่าลึก จ.กาญจนบุรี เป็นเรื่องราวที่ถูกเล่ามาในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากตอนนั้นทหารญี่ปุ่นได้ใช้ พื้นที่ในประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางทหารในการรบ จนมาพบกับเรื่องราวแปลกๆในป่าที่อ้างว่าได้พบเจอกับงูยักษ์ที่จังหวัดกาญจนบุรี จนกลายเป็นตำนานและความเชื่อเกี่ยวกับงูยักษ์ที่เป็นผู้ดูแลป่าที่จังหวัดกาญจนบุรีนั่นเอง
ก่อนจากกันวันนี้ ยังมีเรื่องราวที่เกี่ยว โชคลาภ ให้ท่านได้อ่าน